รายงานพิเศษ : SM เดินเกมรุก ขยายตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ เพิ่มมาร์จิ้นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน
บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 15% เน้นตลาดลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อ หนุนสัดส่วนให้เป็นไม่ต่ำกว่า 15%ของพอร์ตรวม ผ่านช่องทาง ออนไลน์ และออฟไลน์ แพลตฟอร์ม E-commerce รวมถึงขยายผ่านสาขาย่อยในรูปแบบ Shop in Shop
แม้การเติบโตของสินเชื่อในปีนี้จะยังขยายตัวได้ไม่มากนัก จากการที่สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากสัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า
แต่สถานการณ์ดังกล่าว ไม่กระทบต่อธุรกิจของ บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) ในฐานะผู้จำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในรูปแบบขายเงินสดและขายเงินผ่อน และให้บริการปล่อยสินเชื่อประเภทต่างๆ เช่น (1) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (2) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (3) สินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น ทะเบียนรถ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย
โดย กรรมการผู้จัดการ SM “ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” ระบุว่า ในปี 2568 บริษัทฯ วางแผนขยายช่องทางการขายสินค้าทั้งด้านออนไลน์ และออฟไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce รวมถึงขยายผ่านสาขาย่อยในรูปแบบ Shop in Shop พร้อมจับมือพันธมิตรใหม่ สร้างความหลากหลายสินค้าและบริการ รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน รวมถึงเพิ่มศักยภาพทางด้านการขยายธุรกิจ
และยังปรับเพิ่มสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 15% จากเดิม 10% เนื่องจากให้ผลตอบแทนโดยรวมที่สูงกว่าธุรกิจสินเชื่อเงินให้กู้ยืม ส่งผลให้จะยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อได้ไม่ต่ำกว่า 30% พร้อมมุ่งทะยานสู่เป้าหมายพอร์ตสินเชื่อรวม 3,000 ล้านบาท
ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2568 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 15% ออลไทม์ไฮเช่นเดียวกับงวดปี 2567
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 1,545.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165.25 ล้านบาท หรือ 11.97% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,379.85 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 50.58 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโต มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้า ในหมวดที่มี Margin สูง ขณะเดียวกันรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อเติบโตอยู่ที่ 127.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.54% ซึ่งจากกลยุทธ์มุ่งขยายช่องทางการขาย ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสุทธิที่ให้ผลตอบแทนสูงเติบโต 37% จากปีก่อน
ทั้งนี้บริษัทยังได้เข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ของรัฐบาล ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมียอดขายกว่า 92 ล้านบาท ในช่วงเวลาที่จัดโครงการเพียงเดือนกว่าๆ หรือ ตั้งแต่ 16 ม.ค. - 28 ก.พ.68