รายงานพิเศษ : SAFE ส่งสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง รุกจับกลุ่มลูกค้าตลาดพรีเมียม พร้อมรับผลดีกฎหมายสมรสเท่าเทียม
สถานการณ์ของตลาดกลุ่มผู้มีบุตรยากปีนี้ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จากการที่รัฐบาลสนับสนุนการออกกฎหมายสมรสเท่าเทียมเป็นประเทศแรกในอาเซียน สนับสนุนธุรกิจ บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต 20% จากการเน้นขยายฐานลูกค้าตลาดพรีเมียม
นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) ระบุว่า ปี2568 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 15-20% โดยจะเน้นขยายการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากในกลุ่มตลาดระดับบน และเตรียมพร้อมรับโอกาสการเติบโตของกลุ่มลูกค้าตลาดพรีเมียม ซึ่งบริษัทยังมั่นใจว่าลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก
ขณะเดียวกันหากกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับสมรสเท่าเทียม กฎหมายอุ้มบุญ และกฎหมายการย้ายตัวอ่อน จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจรักษาผุ้มีบุตรยากและช่วยเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่
ด้านบล.กรุงศรี ได้ออกบทวิเคราะห์ SAFE โดยระบุว่า จากการประชุมกับSAFE มีมุมมอง Slightly positive เนื่องจาก เดือน ม.ค.-ก.พ.25 มีสัญญาณของจำนวน OPU Treatment cycle และการใส่ตัวอ่อนดีขึ้นเทียบกับ 4Q24 (OPU Treatment cycle เฉลี่ย 40 รอบต่อเดือน) จากล่ามลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ผู้บริหารมองว่ามีปัจจัยบวกจากการทำโปรโมชั่นต่อเนื่องช่วงปลายปี 4Q24 และความต้องการมีลูกเกิดในปีมะเมียในกลุ่มลูกค้าชาวไทยบางส่วน
รวมทั้งเทคโนโลยี PGT-A Seq มีผลตอบรับดีจากช่วยลดปัญหาคุณภาพตัวอ่อน ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนตัวอ่อนและโอกาสตั้งครรภ์ ผู้บริหารมองผลบวกด้าน Economies of scale ของจำนวนการทดสอบตัวอ่อนเพิ่มขึ้น และ Gross margin มีแนวโน้มฟื้นตัวจากปี 24
เป้าหมายปี 2025F รายได้ให้บริการรวมเติบโต 15-20% (vs ปี 24 รายได้ให้บริการรวมลดลง -2%y-y) มีปัจจัยสนับสนุน
1) เทคโนโลยีใหม่ PTG-A seq ให้บริการเต็มปี ซึ่งมีจุดเด่นช่วย เพิ่มอัตราสำเร็จการตั้งครรภ์ และมีราคาถูกลง
2) ปีนักษัตร “มะเมีย” ในปี 2026 จะช่วยกระตุ้นความต้องการมีลูกในกลุ่มชาวไทยบางส่วน
3) การเติบโตของลูกค้าต่างชาติ จากการขยายตลาดร่วมกับเอเจนซีรายใหม่ในอินโดนีเซีย, บังคลาเทศ, พม่า
ขณะเดียวกันผู้บริหารระบุ กฎหมายอุ้มบุญ อยู่ระหว่างเสนอให้ครม.และสภาพิจารณา คาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงเดือน ก.ค.25 ซึ่งหากมีผลบังคับใช้จะช่วยขยายตลาด IVF เปิดกว้างขึ้น โดยเฉพาะคู่สมรส LGBTQ กลุ่มต่างชาติ ซึ่งไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม และยังมีโอกาสเติบโตแบบ In-organic จากการ M&A กับบริษัทในกลุ่ม Healthcare ซึ่งจะมีความชัดเจนใน 2H25F
ความเห็นและคำแนะนำ เรามีมุมมอง Slightly positive ต่อโทนการประชุมร่วมกับผู้บริหาร SAFE เนื่องจาก
1) คาดกำไรสุทธิ 1Q25F มีแนวโน้มฟื้นตัวจาก 4Q24 ตามรายได้ให้บริการกลับมาเติบโตจากการใช้บริการเพิ่มขึ้น q-q รวมทั้งมี Economies of scale ของการให้บริการเพิ่มขึ้นทั้งบริการ IVF และตรวจพันธุ์กรรมตัวอ่อน
2) กรณีรายได้ให้บริการปี 25F เติบโตได้ตามเป้าหมายบริษัท จะทำให้ประมาณการของ เรามี upside จากการเติบโตของรายได้ดีกว่าเราคาดว่าจะเติบโต 10%y-y
3) เราประเมินรายได้ให้บริการเพิ่มขึ้น +1% จากประมาณการรายได้ 917 ลบ. จะทำให้กำาไรสุทธิเพิ่มขึ้น +3% จาก 198 ลบ. ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขาย PE ปี 25F ที่ 14 เท่า เทียบเท่า Forward PE ต่ำกว่า -2.0SD