จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SPREME จ่อคว้าโอกาสเติบโต ต่างชาติแห่ลงทุนไทย Data Center หนุนไทยเป็นดิจิทัลฮับในภูมิภาค


18 มีนาคม 2568

ยอดขอส่งเสริมการลงทุนของ Data Center  พุ่งต่อเนื่อง 3 ปียอดเฉียด 3 แสนล้านบาท สนับสนุนให้ไทยเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาค และกระตุ้นผลงานบมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) ปี 68 โต 15-20% 

SPREME_รายงานพิเศษ S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นายนฤตม์  เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า Data Center ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น สำหรับรองรับความต้องการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้การที่มีบริษัทระดับโลกเข้ามาลงทุนจัดตั้ง Data Center ในไทยก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้าน

นอกจากจะส่งเสริมให้ไทยเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาคแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ และประชาชน ได้เข้าถึงบริการของศูนย์ข้อมูล และบริการของคลาวด์ที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยสูงอีกด้วย

โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2565-2567) มีโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการของ Data Center และ Cloud Service จากทาง บีโอไอ มีแล้วกว่า 27 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวมถึง 2.9 แสนล้านบาท

ไฟเขียวอีก 3 โครงการ

ล่าสุดทางคณะกรรมการได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนในโครงการ Data Center อีก 3 โครงการ ได้แก่ บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 02 จำกัด วงเงินลงทุน 13,480 ล้านบาท, บริษัท Beijing Haoyang Cloud Data Technology วงเงินลงทุน 72,670 ล้านบาท และ บริษัทในเครือ Empyrion Digital วงเงินลงทุน 4,720 ล้านบาท

การลงทุน Data Center สนับสนุนธุรกิจของ บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น [SPREME]  ซึ่ง “ภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุ แผนการดำเนินงานธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้แบบ Conservative เติบโต 15-20% จากปีก่อน โดยมุ่งเน้นที่จะรักษาระดับการทำกำไรขั้นต้น 20-25% การเร่งส่งมอบงานโครงการที่ทำสัญญาแล้วและรอรับรู้รายได้หลังส่งมอบ (Backlog) และเตรียมเข้ายื่นประมูลโครงการขนาดใหญ่ หรือ Mega Project เพื่อเพิ่ม Backlog และสนับสนุนผลการดำเนินงานในปี 2568 ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงอยู่ระหว่างการทำดีล M&A ที่จะทยอยเริ่มต้นขึ้นในปีนี้

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567) บริษัทฯ มีรายได้รวม 869.77 ล้านบาท กำไรสุทธิ 137.13 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 30.51% สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารโครงการ และการจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในปี 2567 มีโครงการสำคัญที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดซื้อ ติดตั้ง และส่งมอบในระหว่างปี ได้แก่ โครงการระบบคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอน พร้อมระบบปฏิบัติการ (Operating System) โครงการระบบคอมพิวเตอร์พร้อมซอฟต์แวร์สำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) และการจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงและหมึกพิมพ์ให้แก่กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 จึงมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 81,400,000 ล้านบาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 และกำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติอนุมัติเรื่องดังกล่าวในวันที่ 24 เมษายน 2568