ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากระแสหรือความนิยมของรถยนต์ในกลุ่มผู้บริโภคได้หันมาสู่รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ค่ายรถยนต์หลายๆแบรนด์ก้าวเข้าสู่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงอยากจะหยิบมุมมองการลงทุนใน 3 หุ้นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่มาฝากนักลงทุนกัน
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้เริ่มมีการแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น หลัง BYD เปิดตัวแพลตฟอร์ม EV ชาร์จเร็ว “super e-platform" ซึ่งมีความเร็วในการชาร์จสูงสุดที่1,000 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 400 กิโลเมตร ด้วยการชาร์จเพียง 5 นาทีซึ่งใช้เวลาเทียบเท่ากับการเติมน้ำมัน
จากภาพรวมนี้ ยังคงมองว่า BYD ยังเป็นหุ้นที่ดูดีที่สุดในกลุ่มรถยนต์ในช่วงเวลานี้ จากการพัฒนาเทคโนโลยีจากทั้ง ระบบขับขี่อัตโนมัติ และการพัฒนาแพลตฟอร์มการชาร์จแบต รวมไปถึงการเติบโตของยอดขายที่ทําจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยแนะสะสมเมื่อราคามีการย่อตัวลง โดยให้แนวรับที่ 335.0 ดอลลาร์ฮ่องกง และแนวต้านที่ 403.9 ดอลลาร์ฮ่องกง
ขณะที่ Tesla วางแผนผลิตรถยนต์รุ่นประหยัดที่มีขนาดเล็กกว่าและมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าอย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับ Model Y นอกจากนี้ Tesla กําลังเปิดให้ทดลองใช้บริการ FSD ในประเทศจีนฟรี ระหว่างวันที่ 17 มีนาคม ถึง 16 เมษายน โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดในจีน
สำหรับแนวโน้มธุรกิจยานยนต์จะกลับมาเติบโตในปี 2568 และอัตรากําไรขั้นต้นทั้งปีอาจปรับตัวดีขึ้นโดยครึ่งหลังของปีจะได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพหลังการปรับปรุงโรงงานในไตรมาส 1/68 อย่างไรก็ดีจากภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูง และผลประกอบการที่ชะลอตัวและการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ทั้งนี้ มองว่า Tesla ยังไม่สดใสและแนะรอราคาหุ้นปรับฐานมากกว่านี้ก่อน ดังนั้น ให้แนวรับที่ 200.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ และแนวต้าน 369.0 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สุดท้าย BMW อัตรากําไรจากธุรกิจรถยนต์จะอยู่ที่ 5-7% ในปี 2568 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 7.3% จากผลกระทบจากภาษีนําเข้าที่สหรัฐฯ ส่งผลให้อัตรากําไรลดลง 1 จุดเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ BMW ประกาศว่าจะนําระบบ Huawei HiCar ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันมือถือ มาติดตั้งในรถรุ่นใหม่ที่ผลิตในประเทศจีนในปี 2569 ดังนั้น ให้แนวรับที่ 81 ยูโร และแนวต้าน 86 ยูโร