Wealth Sharing

คัด 4 กองทุนเด่น ดักเก็บก่อนเข้าไตรมาส 2/68


24 มีนาคม 2568

ในปี 2568 ปัจจัยที่รุมเร้าตลาดหุ้นทั่วโลกก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าประเด็นของสงครามการค้าและกำแพงภาษีที่เป็นหนึ่งนโยบายของสหรัฐฯ ที่สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุน จนทำให้ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นหลายๆประเทศปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

คัด 4 กองทุนเด่น_WS (เว็บ).png

แต่ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงอยากที่จะหยิบยกมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศและกองทุนรวมที่น่าสนใจในไตรมาส 2/68 มาแบ่งปันให้แก่นักลงทุนและผู้อ่านกันในครั้งนี้ 

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า ตลาดหุ้นโลกนําโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นในไตรมาส 2/68 จากประเด็นสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้เริ่มดําเนินมาตรการภาษีแบบตอบโต้กับประเทศคู่ค้าต่างๆ อย่างต่อเนื่อง 

โดยจะส่งผลให้การตอบโต้การขึ้นภาษีนําเข้าไปมาระหว่างกันทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะจากท่าทีของผู้นําในหลายประเทศที่มิได้สยบยอมต่อทรัมป์อย่างที่หลายฝ่ายคาด ทําให้ส่งผลเชิงลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก (Global Slowdown) ในที่สุด หรือจนอาจถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในบางประเทศ 

ดังนั้น ประเมินว่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยหรือมีความมั่นคงมากขึ้น อาทิ ทองคํา และตราสารหนี้ ในขณะที่หุ้นที่ถูกจัดว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยงแม้ราคาจะปรับลงมาบ้างในช่วงไตรมาสหนึ่ง แต่เราประเมินว่าจะเคลื่อนไหวผันผวนรุนแรงต่อไป โดยเชื่อว่าหุ้น Defensive เช่น Healthcare จะ outperform หุ้น Growth ต่อไปได้

แม้ในระยะยาวจะเชื่อว่าเทคโนโลยีและศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง แต่ในระยะสั้นประเมินว่าคาดการณ์กําไรมีโอกาสถูกปรับลดลงได้ ประกอบกับกําลังซื้อภายในประเทศที่เริ่มหดหายจากการปลดข้าราชการครั้งใหญ่ จึงปรับลดมุมมองหุ้นสหรัฐฯ ลงเป็น “Neutral” 

โดยยังคง “Overweight” เฉพาะตลาดหุ้นจีนและเวียดนาม เนื่องจากมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวคอยสนับสนุน และแนะนําเน้นลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างทองคําและตราสารหนี้ โดยปรับคําแนะนําตราสารหนี้ไทยขึ้นจาก “Underweight” เป็น “Neutral”

สำหรับกองทุนแนะนำ ประกอบไปด้วย กองทุนเปิด แอล เอช เฮลธ์ อินโนเวชั่น ชนิดสะสมมูลค่า หรือ LHHEALTH-A ที่จะลงทุนผ่านกองทุนหลัก AB International Health Care Portfolio ซึ่งกระจายลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลกราว 40-60 บริษัท โดยจะเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีคุณภาพสูง พื้นฐานดี และมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว

ขณะที่ปัจจัยสนับสนุน ภายใต้ประเด็นสงครามการค้าที่มีความไม่แน่นอนจึงคาดว่าหุ้น Defensive อย่างกลุ่มการแพทย์ มีโอกาส Outperform หุ้น Growth ได้ ขณะที่มูลค่าหุ้นกลุ่มการแพทย์ยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง และหุ้นกลุ่มการแพทยืทั่วโลกมี Relative Strength ที่แข็งแกร่งกว่าดัชนีหุ้นโลกทําให้ภาพทางเทคนิคค่อนข้างดูดี

กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ A หรือ PRINCIPAL VNEQ-A ที่จะลงทุนตรงในบริษัทเวียดนามขนาดใหญ่-กลางประมาณ 20-30 บริษัท ที่มีธรรมาภิบาลดี ภายใต้กรอบ FMV ประกอบไปด้วย พื้นฐานธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน,แนวโน้มของราคาและกำไรดีขึ้นต่อเนื่อง และมูลค่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ

ด้านปัจจัยสนับสนุน แนวโน้มทางเทคนิคบ่งชี้ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ล่าสุดดัชนีราคาปรับตัวทะลุบริเวณ 1,300 จุดซึ่งเป็นแนวต้านที่สําคัญ มีโอกาสปรับตัวทดสอบ 1,400 – 1,450 จุด ตลาดหุ้นเวียดนามมีโอกาสได้รับการประเมินในเชิงบวกในช่วงการทบทวนเดือนมีนาคมจาก FTSE และอาจประกาศอัพเกรดในเดือนกันยายนสู่ FTSE Emerging Market ในด้านปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นเวียดนาม กําไรเติบโตดีและมูลค่าอยู่ในระดับถูก รวมถึงเศรษฐกิจแข็งแกร่ง 

กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน-A ชนิดสะสมมูลค่า หรือ K-CHINA-A(A) ที่จะลงทุนในหุ้นจีน All Shares ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds - China Fund ซึ่งมุ่งลงทุนแบบเชิงรุก เน้นการทํา Bottom-up แต่ละบริษัทอย่างเชิงลึก และเลือกลงทุนแบบ High Conviction และ Long-term ในหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโต และมีคุณภาพสูง

ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนได้แรงหนุนจากท่าทีของรัฐบาลจีนที่หันกลับมาสนับสนุนภาคเอกชน ซึ่งมองเป็น structural change สําหรับการลงทุนในหุ้นจีน โดยล่าสุดทางการฮ่องกงเตรียมแผนลดข้อจํากัดของการซื้อหุ้นจีน-ฮ่องกง เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้มากขึ้น มองเป็นพัฒนาการเชิงบวก

ด้านภาพทางเทคนิค ตลาดหุ้นจีนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวโน้มขาขึ้น และโมเมนตัมแกร่ง คาดว่าหุ้นจีน A-Shares ที่ราคา laggard จาก H-Shares ค่อนข้างมาก น่าจะเริมกลับมาเติบโต เนื่องจากท่าทีของรัฐบาลที่เป็นมิตรกับภาคเอกชนมากขึ้น และการบริโภคจีนที่มีโอกาสฟื้นตัว

สุดท้ายกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ หรือ UGIS-N ซึ่งจะลงทุนในกองทุนหลักกองทุน PIMCO GIS Income Fund ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีคุณภาพสูง และสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับปัจจัยสนับสนุนสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลง ทําให้นักลงทุนเริ่มกังวลมากขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากประเด็นสงครามการค้าที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ตลาดการลงทุนมีความผันผวน

และภายใต้ตลาดที่ผันผวนทําให้นักลงทุนเล็งหาสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างตราสารหนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้ง ความคาดหวังของตลาดต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

คัด-4-กองทุนเด่น.jpg