ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันถือเป็นตลาดที่หลายสถาบันต่างมองว่าให้ผลตอบแทนได้ต่ำที่สุด ด้วยความเคลื่อนไหวของดัชนีที่ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่จุดที่น่าสนใจก็คือจุดกลับตัวของตลาดหุ้นไทยจะเริ่มอยู่ในจุดใดนั้น ในวันนี้ทางเราก็มีมุมมองจากนักวิเคราะห์มาฝากกันในครั้งนี้
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า นโยบายภาษีทรัมป์ ต่อประเทศคู่ค้าที่จะประกาศในเดือน เม.ย.นี้ เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก และความผันผวนตลาดหุ้นโลกที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยมูลค่าของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในระดับต่ำรอบ 10 ปี การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย กำไรหุ้นหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเติบโตทำสถิติใหม่สูงสุดและ SET อยู่ในภาวะ Oversold ทำให้มีโอกาสที่จะเห็น Relief Rally ระดับ 100 จุด ในช่วง 1-2 เดือนนี้ได้เช่นกัน
โดยการปรับลดลงของ SET จากจุดสูงสุดที่ 1,500 จุดในเดือน ต.ค.2567 มาทำจุดต่ำสุดที่ 1,160 จุดในช่วงกลางเดือน มี.ค.นี้ หรือเป็นการปรับลดลงกว่า 23% ภายในระยะเวลา 5 เดือน ซึ่งมองเป็นผลจาก เศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่คาด นโยบายภาษีการค้าทรัมป์ การปรับลดลงของกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว แรงขายจาก Program Trading ก็ตาม
แต่ผลจากปัจจัยเหล่านั้น ประกอบไปด้วย 1.SET อยู่ในภาวะ Oversold มากที่สุดตั้งแต่หลัง Covid 2.มูลค่าอยู่ในระดับต่ำสุดรอบ 10 ปี ทั้ง Earnings Yield Gap และ Price To Earnings รวมถึง Bloomberg Valuation Score ที่ บอกว่า SET เป็นตลาดหุ้นที่ถูกที่สุดเป็นอันดับ 4 จากทั้งหมด 15 ตลาด และ 3.สัญญาณการฟื้นตัวของราคาระยะสั้น
ดังนั้น วัดเป้าหมายการฟื้นตัวของ SET ใน 3 รูปแบบ และ 3 เงื่อนเวลา ดังนี้ ระยะสั้น 1-2 เดือน ใช้การวิเคราะห์โมเมนตัม ด้านราคาระยะสั้นจึงเห็นโอกาสการฟื้นตัวไปที่บริเวณ 1,250-1,278 จุด, ระยะกลางสิ้นปี ใช้ Bottom-Up Approach อิงกับรายงาน Siam Senses มีเป้าหมาย SET ที่ 1,430 จุด
และ ระยะยาว 12 เดือน ใช้ Statistic Approach โดยใช้ Earnings Yield Gap เทียบกับผลตอบแทน SET ระยะ 12 เดือนข้างหน้า บ่งชี้ว่าการซื้อหุ้นที่ระดับ EYG 6.19% ในปัจจุบัน มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 30% หรือ 1,500 จุด ในระยะ 12 เดือน
ทั้งนี้ การคาดการณ์แนวโน้ม SET เป็นเรื่องจำเป็น แต่การ “เลือก” หุ้นจะเป็นการสร้าง Alpha หรือกำไรส่วนเพิ่มในจังหวะการฟื้นตัวก็เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างพอร์ตเช่นกัน โดยแนะนำหุ้นที่ 1.มีมูลค่าอยู่ในโซนถูกทั้งในมุมของ P/E และ P/BV 2.อยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง 3.มี ESG Score สูงกว่าระดับ A แนะนำ AMATA BDMS CBG CKP COM7 CPALL CPN MINT WHA TRUE
AMATA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 33 บาท เนื่องจากยอดขายที่ดินที่แข็งแกร่งยังคงดำเนินต่อไป คาดกำไรปีนี้แข็งแกร่งต่อเนื่องตาม Backlog ที่สูงเป็นประวัติการณ์ และราคาหุ้นลดลงจากต้นปีทำให้ซื้อขายด้วย P/BV เพียง 1.0 เท่า เทียบกับ ROE 11% รวมไปถึงได้รับ ESG Ratings “AAA” และอยู่ใน SET100 คาดเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบัน
BDMS นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31 บาท เนื่องจากคาดการณ์กำไรปี 67-70 เติบโตเฉลี่ย7% ต่อปี ขณะที่ในระยะสั้นรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน และปัจจุบันมูลค่าอยู่ในระดับน่าสนใจโดยซื้อขายที่ P/E ปี 68 ที่ 22 เท่าและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลมากกว่า3%
CBG นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 78 บาท โดยในเชิงกลยุทธ์ราคาหุ้นปรับลงจากการถูก De-rating PER และสะท้อนการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มชูกลังที่สูงขึ้นไปพอสมควร ปัจจุบันซื้อขายบน P/E ที่เพียง 18 เท่า ต่ำกว่าอดีตที่ 30 เท่า มองราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น จากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/68 ที่แข็งแกร่ง
CKP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท จากดผลประกอบการไตรมาส 1/68 ที่แข็งแกร่งซึ่งจะสูงกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมาทั้งหมดในอดีตและผลประกอบการจะสูงสุดในไตรมาส 3/ 68 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นตามปกติจะได้รับประโยชน์จากการไม่มีการหยุดดำเนินการ XPCL
COM7 นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท เนื่องจากหลังตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนใหม่ ทําให้มูลค่าหุ้นถูกประเมินค่าตํ่าเกินไปเทียบกับ EPS ที่เติบโต 18% ในปี 2568-2570และให้ ROE ที่ 43% และผลตอบแทนปันผลที่ 5.5% ในปี 2568 ประกอบกับท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเติบโตของ COM7 กลับมาในไตรมาส 2/68 หนุนโดยรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นและอัตรากําไรที่ขยายตัว
CPALL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 75 บาท ด้วยกำไรปี 2568 ที่ยังเติบโตได้แม้เจอฐานสูง ขณะที่มูลค่าหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/E ที่ 18 เท่า ยังเป็นระดับที่ไม่แพง ส่วนประเด็นกดดันเรื่องการลงทุนในญี่ปุ่นได้คลี่คลายลงและผู้บริหารคาดว่าจะไม่มีผลกระทบใดๆหากเจ้าของLicense เปลี่ยนบริษัท
CPN นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 81.50 บาท เนื่องจากยังน่าสนใจระยะยาว ด้วยความชัดเจนในแผนการลงทุนระยะยาว ธุรกิจ Retail & Service ยังเติบโตตามการขึ้นค่าเช่าและการเปิดห้างใหม่, ธุรกิจโรงแรมขยายกลุ่มลูกค้าไประดับกลาง หนุนให้รายได้ที่เพิ่มขึ้นแลกมากับ RevPAR เฉลี่ยที่อ่อนตัวลง ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังทรงตัวในปี 2568
MINT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท เนื่องจากกำไรยังมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงคาดว่าอัพไซด์ของกำไรจะมาจากการลดภาระหนี้ครั้งใหญ่หลังขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT นอกจากนี้ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ที่ 19 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ถูกเป็นอันดับสองในกลุ่มโรงแรม
WHA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท ด้วยมูลค่าหุ้นมีการซื้อขายที่มูลค่าไม่แพงที่ 10.5 เท่าของ P/E และ1.4 เท่าของ P/BV ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ตรงข้ามกับแนวโน้มยอดขายที่ดินที่แข็งแกร่งและกำไรที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกัน 4 ปี
TRUE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 15 บาท เนื่องจากกำลังเป็นหุ้น Turnaround โดยมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดีขึ้นซึ่งอาจพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันกับADVANC ในมุมของผลตอบแทนจากเงินปันผลได้ในปี 2569 เส้นทางที่ชัดเจนไปสู่กำไรและการลดต้นทุน ส่งผลแนะนำให้สลับการลงทุนจาก ADVANC มาเป็น TRUE