Wealth Sharing

โบรกฯ เมินกลุ่มยานยนต์ เหตุยอดผลิตรถดิ่ง 19 เดือนติด หลังค่ายรถ EV จีนเน้นนำเข้าทั้งคัน


26 มีนาคม 2568

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จากยอดผลิตรถยนต์ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 แต่กลับมาดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าได้ แม้จำนวนวันทำงานในเดือน ก.พ. จะน้อยกว่า ม.ค. 

โบรกฯ เมินกลุ่มยานยนต์_WS (เว็บ)_0.jpg

ทั้งนี้ ยังประเมินยอดผลิตรถยนต์ปี 2568 จะยังคงทรงตัวต่ำที่ 1.45-1.50 ล้านคัน โดยยอดผลิตรถยนต์ 2เดือนแรกปี 68 จะคิดเป็นประมาณ 15% จากทั้งปี สำหรับยอดผลิตรถยนต์ในช่วงที่เหลือของปีจะเริ่มทรงตัวจากปีก่อนได้ จากฐานต่ำ 

รวมถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าตามเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการภาครัฐ และโครงการ "รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ" ที่จะเปิดรับคำขอตั้งแต่ 1เม.ย.-30 ธ.ค.68 จะช่วยให้ยอดขายรถกระบะในไตรมาส 2/68 จะฟื้นตัวได้บ้าง 

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการส่งออกรถยนต์ที่จะยังมีทิศทางชะลอตัว และกลุ่ม Automotive ยังให้น้ำหนัก “underweight” ไม่มี top pick 

เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองเป็นลบต่อกลุ่มยานยนต์ อุตสาหกรรมยานยนต์ในไตรมาส 1/68 คาดยังไม่สดใส อิงจากยอดผลิตรถยนต์ของประเทศไทย 2 เดือนแรก ลดลง 19% จากช่วงเดียวกันเนื่องจากสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูง และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้ยอดส่งออกจากประเทศคู่ค้าลดลง ทั้ง ออสเตรเลียตะวันออกกลาง และยุโรป

พร้อมกันนี้ คาดผลประกอบการกลุ่มยานยนต์มีแนวโน้มชะลอตัวไปถึงกลางปี 2568 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในครึ่งปีหลังจากฐานที่ต่ำ โดยปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ทั้งจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวและความกังวลจากปัญหาสงครามการค้าที่อาจกระทบตลาดส่งออก

ขณะที่การเข้ามาของ EV ในช่วง 2 ปีแรกจากค่ายจีนส่วนใหญ่เป็นการนำเข้า ขณะที่การตั้งฐานการผลิตในไทยมี supplier ของตัวเองตามมา ซึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยได้คำสั่งซื้อน้อยมาก จึงกลับเป็น disrupt ต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศ คาดยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ทรงตัวจากปีก่อนที่ 1.47 ล้านคัน ซึ่งต่ำกว่าที่ ส.อ.ท. คาดว่าจะเติบโต 2% จากปีก่อนหน้าเป็น 1.50 ล้านคัน

ทั้งนี้ ให้น้ำหนักการลงทุน “Underweight” คงมุมมองเป็นลบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ซึ่งถือว่าฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ไม่เลือกหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ กลยุทธ์การลงทุนเน้นตั้งรับมากกว่า หากราคาปรับลงมาต่อ มีบางตัวที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลดี อาทิ SAT และ AH