แม้ว่าในปี 2568 ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเปิดต้นปีมาไม่ได้สวยหรูนัก ด้วยการปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องของดัชนีและหุ้นรายตัว แต่อย่างไรก็ดีในช่วงสัปดาห์ 1-2 นี้ ดัชนีตลาดก็ส่งสัญญาณการฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับที่ 1,200 จุด ซึ่งนักวิเคราะห์ก็ได้ถือเป็นจังหวะที่สะสมในหุ้นที่น่าสนใจและพื้นฐานเด่น
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นไปทดสอบที่ 1,200 จุด รับแรงซื้อหุ้นใหญ่ แม้ยังขาดปัจจัยในประเทศใหม่หนุน ซึ่งยังต้องติดตามรายงานข้อมูลการค้าเดือนก.พ.ของไทย หากไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐสูงขึ้น ซึ่งสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย ไทยอาจเผชิญความเสี่ยงจากมาตรการภาษีของสหรัฐ
ดังนั้น แนะนำหุ้น 3 กลุ่ม ท่ามกลางความไม่แน่นอนนโยบายภาษีสินค้านำเข้าของทรัมป์ที่จะมีผลบังคับไช้ในวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่ในประเทศยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่เข้ามา
โดยหุ้นเด่น SCB เงินปันผลแข็งแกร่งโดยเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 9% ในปี 258 จะช่วยหนุนราคาหุ้น และเชื่อว่าอัตราการตั้งสำรองหนี้สูญจะลดลงในปี 2568-2570 รวมไปถึงพอร์ตสินเชื่อบ้านมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากมาตรการผ่อนปรน LTV ดังนั้น แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 130 บาท
MINT งบไตรมาส 4/67 และทิศทางของปี 2568 ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มโรงแรมที่บริษัทบริหารและร้านอาหารแฟรนไชส์ภายใต้กลยุทธ์ asset-light ซึ่งจะช่วยลดหนี้สินและต้นทุนดอกเบี้ย พร้อมกับตั้งเป้ารายได้จากการบริหารจัดการ 25-30% ของ EBITDA ของธุรกิจโรงแรมในปี 2567 มากกว่า 50% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คาดว่าจำนวนห้องพักโรงแรมภายใต้กลยุทธ์ asset-light จะเติบโตที่อัตรา 36% ต่อปีในปี 2567-2570 จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 44 บาท
CPAXT เชื่อว่าอัตรากำไรของบริษัทจะยังคงเพิ่มขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพจากผลประโยชน์ของการร่วมทุนระหว่าง Makro และ Lotus และจะขับเคลื่อนการเติบโตของ EPS ในปี 2568-2569 จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท เนื่องจากมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่แข็งแกร่ง โดยเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงที่ผ่านมาได้สะท้อนความเสี่ยงจากการจัดการปัญหาของกลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ไปแล้ว
PIN ยอดโอนที่ดิน 780 ไร่ ในปี 2568 คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/68 คาดว่ากำไรปกติหลักจะลดลง 1.6% ในปี 2568 แต่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 25.6% ในปี 2569 ซึ่งมาจากยอดโอนที่ดินและรายได้ประจำ แต่อย่างก็ดียังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตและมูลค่าหุ้นน่าสนใจ
สุดท้าย HANA เนื่องจากเชื่อว่าราคาหุ้นในปัจจุบันน่าจะสะท้อนปัจจัยลบส่วนใหญ่แล้ว และธุรกิจน่าจะเผชิญความท้าทายในครึ่งปีแรกปี 68 แต่เริ่มเห็นปัจจัยบวกในช่วงครึ่งปีหลังปี 68 จากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงผลขาดทุนจาก Powermaster ที่น่าจะลดลงในครึ่งปีหลังปี 68 จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท