BGRIM-GPSC มีเฮ!! กกพ.ตึงค่าไฟงวดเดือนพ.ค.-ส.ค. โบรกฯ มองปัจจัยบวกระยะสั้น
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า หลังผ่านช่วงรับฟังความคิดเห็นเป็นเวลาสองสัปดาห์ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ออกมาประกาศเมื่อวานนี้ (26 มีนาคม) ว่าจะตรึงราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2568 ไว้ที่ 4.15 บาทต่อหน่วยซึ่งเท่ากันกับของเดือนมกราคมถึงเมษายนในปัจจุบัน
โดยการตัดสินใจตรึงราคาไฟฟ้าของ กกพ. ครั้งนี้ตรงข้ามกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดราคาไฟฟ้าลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 3.7 บาทต่อหน่วย และเป็นความเสี่ยงทางบวกต่อประมาณการ เนื่องจากปัจจุบันใช้สมมติฐานว่าราคาไฟฟ้าเฉลี่ยจะถูกปรับลงเหลือ 4 บาทต่อหน่วยในรอบนี้
ขณะที่อัตราไฟฟ้าสำหรับรอบนี้นั้นรวมอัตราเพิ่มเติม 0.20 บาทต่อหน่วยซึ่งเป็นส่วนเพิ่มจากการปรับราคาไฟฟ้าตามการเปลี่ยนแปลงราคาพลังงานปกติ (การปรับค่า Ft) เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) มีอัตรากำไรพิเศษเพื่อนำไปทยอยชำระคืนหนี้ซึ่งเกิดจากการอุดหนุนราคาไฟฟ้าให้ประเทศในช่วงปี 2564-2566 ที่ผ่านมา
โดย กกพ. คาดว่าที่ระดับราคาไฟฟ้าดังกล่าวจะทำให้ กฟผ. ชำระหนี้ลงได้ 1.46 หมื่นล้านบาทในรอบเวลาดังกล่าวจากปัจจุบันที่ระดับหนี้สินคงค้างรวมอยู่ที่ 8.68 หมื่นล้านบาท
แต่อย่างไรก็ดี ไม่ได้มีมุมมองบวกขึ้นมากต่อผู้ประกอบการ SPP ทั้งสองราย คือ BGRIM และ GPSC เนื่องด้วยเหตุผล 3 ประการ 1.มองว่าอัตรากำไรของ SPP จะทยอยหดตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4/67-2/68 จากราคาก๊าซธรรมชาติของประเทศที่ทยอยสูงขึ้น แม้ราคาไฟฟ้าจะทรงตัวในช่วงสามไตรมาสดังกล่าว
2.ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำน่าจะยังอ่อนตัว ตามสภาวะเศรษฐกิจโลก ในขณะที่มีหลายอุตสาหกรรมของไทยสูญเสียความสามารถการแข่งขันในระดับโลกทำให้ปริมาณการผลิตและปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลง
3.มองว่ายังมีความเสี่ยงที่รัฐบาลจะออกมาแทรกแซงราคาไฟฟ้าเนื่องด้วยนโยบายที่แข็งกร้าวในการลดราคาไฟฟ้า ทั้งเพื่อคงคะแนนนิยมจากประชาชน และเพื่อดึงดูดการลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือดาต้าเซนเตอร์และเทคโนโลยีอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยหากนักลงทุนมองหาโอกาสจากข่าวดีระยะสั้นในครั้งนี้ มองว่า GPSC มีความน่าสนใจกว่า (เมื่อเทียบกับ BGRIM) จากมูลค่าพื้นฐานที่ซื้อขายในระดับต่ำกว่าและยังมีปัจจัยหนุนกำไรระยะสั้นที่น่าจะช่วยให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้บ้าง