Talk of The Town

โบรกฯแนะจับ OR-BJC ราคาหุ้นวิ่ง รับแรงเก็งกำไร ลุ้นประกาศแผนซื้อหุ้นคืน


28 มีนาคม 2568

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นที่มีศักยภาพดำเนินโครงการหุ้นทุนซื้อคืน อาทิ BJC, OR เริ่มเคลื่อนไหวเด่น ประกอบกับภาพพื้นฐานยังมี Upside ให้ลงทุนได้ แนะนำเก็งกำไรต่อเนื่อง

โบรกฯแนะจับ OR-BJC_S2T (เว็บ)_0.jpg

โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่นในการซื้อขายเช้าวันที่ 28 มี.ค. อย่างบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นั้นประเมินตลาดเก็งกำไรโอกาสดำเนินโครงการ Treasury Stock

โดย BJC ซื้อขาย PBV ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งเงินสดในมือ สิ้นปี 67 ที่ 5.1 พันล้านบาท  รวมถึงมีกระแสเงินสดดำเนินงาน  2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่หนี้สินระยะสั้นอยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท

ส่วน OR ซื้อขาย PBV 1 +/- เท่า ซึ่งเงินสดในมือ สิ้นปี 67 ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท แถมยังมีกระแสเงินสดดำเนินงาน 2.0 หมื่นล้านบาท และมีหนี้สินระยะสั้น 0.75 หมื่นล้านบาท

สำหรับภาพทางพื้นฐานของ  BJC คาดว่าเศรษฐกิจภายในฟื้นตัว ประกอบกับมี Upside จากการปลดล๊อคโฆษณาเครื่องดื่มแอลกฮอล์ ขณะที่ทางพื้นฐาน กำหนดราคาเป้าหมาย 30 บาท

ขณะที่ OR หากมองไปข้างหน้าถึงแนวโน้มราคาน้ำมันที่น่าจะค่อยๆซึมลง ตามความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มมีจุดเปราะฝั่งภาคบริการ และ ซัพพลายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประเมินหนุนค่าการตลาดระยะถัดไป ขณะที่ทางพื้นฐาน โดยกำหนดราคาเป้าหมาย 17 บาท 

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น OR ปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 วันราว 14% คาดมาจากความคาดหวังโครงการซื้อหุ้นคืน ในลักษณะเดียวกับ PTT จาก OR มีสภาพคล่องเพียงพอในการรองรับ และจากการสอบถามยังไม่มีปัจจัยบวกระยะสั้นอื่น โดยด้านปริมาณขาย 1Q25TD และกำไรขั้นต้นต่อลิตร ยังทรงตัว q-q 

โดย OR มีเงินสดฯ หลังหักเงิน IPO ราว 3 หมื่นลบ. เพียงพอรองรับการทำ Treasury stock 1-2% ของหุ้นที่ออกจำหน่าย หรือราว 120-240 ล้านหุ้น หากสุดท้ายบริษัทไม่ได้กังวลต่อ flee float ที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 23.7% (หากไม่ถึง 20% จะหลุดจาก SET50) จะมีโอกาสที่บริษัทจะประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนได้

ดังนั้นคงคำแนะนำ ซื้อ  โดยกำหนดราคาเป้าหมายที่ 17 บาท ซึ่งน่าสนใจลงทุนระยะยาว โดยธุรกิจ Mobility อยู่ในขาฟื้นตัว เริ่มเห็นสัญญาณการรักษาส่วนแบ่งตลาดน้ำมันได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/67 คงมุมมองราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงใน 68-69 จะลดต้นทุนน้ำมัน และแรงกดดันจากการแทรกแซงราคาของรัฐ หนุนให้ค่าการตลาดฟื้นตัว คาดกำไรโตเฉลี่ย 23% CAGR ในช่วงเดียวกัน ในขณะที่ PER25F ราว13 เท่า