รายงานพิเศษ : PIS งัดกลยุทธ์ รับมือนโยบายกีดกันการค้า พัฒนาเทคโนโลยี-บริหารความเสี่ยง-ขยายฐานลูกค้า
บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) วางกลยุทธ์ปี 68 เน้นพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารความเสี่ยงและขยายฐานลูกค้าใหม่ รับมือนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ดันรายได้โตทำสถิติใหม่
ภาพรวมอุตสาหกรรม ICT ในปี 2568 คาดว่าจะยังคงเติบโตจากการลงทุนด้าน Digital Infrastructure, Cloud Computing, AI และ Platform ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ภาครัฐ และเอกชนให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดต้นทุน นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของภาครัฐบาลของไทย จะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ICT โดยโครงการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และระบบดิจิทัลภาครัฐ คาดว่าจะได้รับการผลักดันต่อเนื่อง
สงครามการค้ากระทบ ICT ทั่วโลก
น.ส.เบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) (PIS) ผู้ให้บริการ ICT Solution ครบวงจร ให้ความเห็นว่า ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองโลก โดยเฉพาะนโยบายการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ICT ทั่วโลก นโยบายดังกล่าวอาจรวมถึงมาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ชิป AI, ระบบ Cloud Computing และอุปกรณ์ 5G ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ ซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และการจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับโครงการของบริษัท
นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายภาษี และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้าอุปกรณ์ไอทีและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของบริษัทในการดำเนินโครงการ
รุกงาน AI- Cloud- IT Outsourcing
“บริษัทฯได้วางกลยุทธ์ในการขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโต รวมถึงพัฒนาโซลูชันที่ช่วยลูกค้าลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น AI-driven Security, Cloud-based Data Management และ IT Outsourcing Services”
ชูกลยุทธ์เชิงรุก ขยายฐานลูกค้าใหม่
แม้ว่าจะยังคงมีปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก แต่ด้วยกลยุทธ์เชิงรุกในการพัฒนา เทคโนโลยี การบริหารความเสี่ยง และการขยายฐานลูกค้าใหม่ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและเติบโตได้อย่าง มั่นคงในอนาคต
รุกประมูลงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ
แผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานด้านไอซีทีของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญของบริษัทในฐานะผู้นำการให้บริการ ICT Solution ครบวงจร ภายใต้ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์มายาวนาน ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ ที่มีแผนขยายการลงทุน และเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่องทุกปี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยด้วยเทคโนโลยี ซึ่งเพิ่มโอกาสในการรับงาน
มั่นใจรายได้โตเกิน15%นิวไฮต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภายหลังจากการเข้าระดมทุนและได้รับเงินจากการขายหุ้นไอพีโอ ยิ่งเป็นอีกแรงส่งที่เพิ่มศักยภาพในการเข้ารับงานโครงการภาครัฐที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและยื่นประมูลงานในหลายโปรเจค และมีโอกาสได้รับงาน ทำให้มั่นใจว่ารายได้ในปี 2568 จะเติบโตเกิน 15% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
เปิดผลงานปี 67 รายได้ทุบสถิติใหม่
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567) มีรายได้จากธุรกิจหลักรวม 1,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนที่ทำไว้ 1,077 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ และมีกำไรสุทธิ 103 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่มีกว่า 3,000 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น
จับมือพันธมิตรคว้า 2 บิ๊กโปรเจค
ในช่วงปลายปี 2567 และต้นปี 2568 บริษัทได้งาน 2 โปรเจคใหม่ร่วมกับพันธมิตร ผ่านกิจการร่วมค้ากิจการค้าร่วม พี ที เอ็น พี ใอ (PTNPI) ในงานจ้างดูแลบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับสำหรับธุรกิจหลัก (รชธ.) และบูรณาการระบบงานที่เกี่ยวข้อง มูลค่าโครงการ 1,504.42 ล้านบาท และกิจการค้าร่วม เอสพี (SP Consortium) ในโครงการจัดซื้อระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศไทยกับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) มูลค่า 992 ล้านบาท
จับตาโอกาสการคว้างานใหม่ของ PIS และมูลค่าโครงการที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น หลังเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ mai สร้างโอกาสการเติบโตก้าวกระโดดในอนาคต ในฐานะหุ้น Growth Stock ที่พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยด้วยเทคโนโลยี สอดคล้องนโยบายภาครัฐ ในการขับเคลื่อนประเทศ