หุ้นไทยเปิดดิ่ง 20 จุด ก่อนรีบาวด์ แบงก์ชาติ-ก.ล.ต.-ตลท.แถลงฟื้นความชื่อมั่น ส่วนโบรกฯ มองแผ่นดินไหวกระทบระยะสั้น
รายงานความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเปิดการซื้อขายเช้านี้ปรับตัวลดลงสูงสุด 20.40 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,155 จุด ก่อนฟื้นตัว โบรกฯ มองดัชนีเปิดเช้ากระโดดลง ชี้เหตุแผ่นดินไหวกดดันระยะสั้น เชื่อปัจจัยต่างประเทศเป็นตัวกดดันระยะยาว
ล่าสุดความเห็นนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แบงก์ชาติ-ก.ล.ต.-ตลท.ผนึกทุกฝ่ายร่วมแถลงยืนยันทุกระบบเข้าสู่ปกติหลังเหตุแผ่นดินไหวเมียนมา 28 มี.ค.
ผลการแถลงร่วม แบงก์ชาติ-ก.ล.ต.-ตลท. ถือว่าสอดคล้องกับที่ ฝ่ายวิจัย นำเสนอในช่วงก่อนหน้า มองเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อ SET Index รายละเอียดดังนี้
นายกสภาวิศวกร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานของอาคารที่ร้องขอให้ไปตรวจสอบไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างมีนัยสำคัญ ผลการตรวจสอบพบว่าอาคารได้รับการประเมินเป็นสีเขียวจำนวนมาก
ส.อ.ท. เผยกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่างๆ ในการผลิตยังเปิดใช้งานได้ตามปกติ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า เผยสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ประชาชน นักท่องเที่ยว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ธปท. ให้ความมั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินและการให้บริการทางการเงิน เดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องเป็นปกติ ส่วน คปภ.ให้ความเชื่อมั่นว่า สำนักงาน คปภ. จะดูแลการเบิกจ่ายสินไหมให้รวดเร็วและเป็นธรรม
ก.ล.ต. ให้ความมั่นใจว่าระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน ตลอดจนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถดำเนินการและให้บริการได้อย่างปกติ และตลาดหลักทรัพย์กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงแข็งแกร่ง
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ดัชนีเปิดลงไปที่โซนบริเวณ 1,157 จุด (บวกลบ) ตามที่เราประเมิน ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับข้ึนมาได้ค่อนข้างแข็งแรง สะท้อนมุมมองว่าผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวจะเป็นเพียงช่วงสั้น
กลุ่มที่ปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาดคือกลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากการซ่อมแซมอาคารตามที่เราประเมิน ทั้ง TOA DPAINT SCGD SCC SCCC TPIPL HMPRO GLOBAL DOHOME TEAMG
คาดหุ้นในกลุ่ม Consumer Staple (สินค้าจำเป็น) ยังคงมีความน่าสนใจกว่ากลุ่ม Consumer Discretionary (สินค้าฟุ่มเฟือย) ยังชอบกลุ่ม ค้าปลีก อาหาร สื่อสารฯ รพ. เช่น CPALL BJC NSL BDMS PR9 ADVANC
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเปิดตลาดกระโดดลงก่อนในช่วงแรกที่ระดับ 1.0-1.5% สะท้อนผ่านท่าทีของนักลงทุนต่างชาติที่มีการซื้อขาย ETF หุ้นไทยเมื่อคืนวันศุกร์ แม้ตลาดหุ้นไทยจะปิดทําการในช่วงบ่ายวันเดียวกันไปก่อน
รวมไปถึง Reaction ของดัชนี Futures ของตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้จากปรากฏการณ์ Risk-averse ที่เกิดขึ้นในตลาด สะท้อนผ่านฟันด์โฟลว์(กระแสเงินสดต่างชาติ)ที่โยกเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรและทองคํา ล่าสุด
ทั้งนี้ ต้องอย่าลืมว่า ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยวันนี้ไม่ได้มีเพียงเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เหตุการณ์ที่อาจจะ มีน้ำหนักไม่แพ้กันนั้นก็คือปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่ออกมาคืนวันศุกร์ทั้งตัวเลข PCE ที่ออกมาสูงกว่าคาด รวมถึงคาดการณ์เงินเฟ้อและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ U. of Michigan ที่ออกมาสูงกว่าและต่ำกว่าคาดตามลําดับ ส่งผลให้ความกังวลเรื่อง Stagflation กลับมารุนแรงอีกครั้ง
แม้ มองปัจจัยในประเทศจะเป็นเพียงแรงกดดันเชิงลบในระยะสั้น แต่ประเมินปัจจัยต่างประเทศจะเป็นแรงกดดันที่ยืดเยื้อในระยะกลางมากกว่า แต่ข้อโชคดีของตลาดหุ้นไทยก็คือการเป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นโลกในระดับต่ำอยู่แล้ว
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทยที่เกิดขึ้น รวมถึงปัจจัยภาพ Macro ในระดับโลก ณ เวลานี้ เชื่อว่าจะเป็นปฏิกิริยาที่เร่งกระตุ้นให้มีการโยกย้ายเม็ดเงินออกจากหุ้นกลุ่ม Growth เข้าสู่กลุ่ม Value และ Defensive ต่อไป ซึ่งยังคงเป็น Theme กระแสหลักที่คาดว่าจะดําเนินต่อไปทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ข้างหน้า
ในเชิงกลยุทธ์ หากในวันนี้ดัชนี SET ปรับตัวหลุดทะลุโลว์เดิมที่ระดับ 1160 จุดลงมา มองเป็นจังหวะในการทยอยเพิ่มน้ำหนักหุ้นประมาณ 1 ใน 3 ของเงินสดที่ถืออยู่ โดยเน้นไปที่หุ้น Top pick 10 ตัวประจําไตรมาสที่ 2 ซึงได้แก่ BCP, TOP, PTTGC, GPSC, CPF, BDMS, BH, TCAP, 3BBIF และ ช่วงสั้นอาจหลีกเลี่ยง LHHOTEL ไปก่อนตามความเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบ
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
OR รับศึกษา “ซื้อหุ้นคืน” ชี้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ เน้นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น
%20copy2.jpg)
จึ้งมาก! ทองนิวไฮไม่เลิก วันนี้ราคาพุ่งไปแล้ว 550 บ. แค่ 3 เดือน 1 วัน ทะยาน 8,200 บาท
_0.jpg)
สาส์นจากซีอีโอ SMD100 ถึงนักลงทุน คู่ค้า หน่วยงานรัฐ โรงพยาบาลทุกภาคส่วน พร้อมสนับสนุนสาธารณสุขอย่างเร่งด่วน
_0.jpg)
Trade War 2.0 ภัยคุกคาม หรือแค่ขู่? สร้างอำนาจต่อรองให้กับสหรัฐฯ
%20copy_0.jpg)