กระดานข่าว

GCAP GOLD จับตา “ทรัมป์” รีดภาษีรอบใหม่ ลุ้นราคาทองสร้าง New High รอบใหม่ที่ระดับราคา 51,200 บาท


01 เมษายน 2568

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย นักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ประเมินว่าทิศทางตลาดทองคำในสัปดาห์นี้ ยังคงเผชิญกับความผันผวน พร้อมแนะนำให้จับตาทิศทางทองคำหลังประกาศภาษีใหม่จาก “ทรัมป์” ในวันที่ 2 เมษายน นี้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาทองคำ ทั้งนี้หากมีการประกาศภาษีที่รุนแรง ราคาทองคำอาจพุ่งสูงขึ้น นักลงทุนอาจหันมาถือทองคำมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

S__13426749.jpg

ดังนั้นประเมินว่า ราคาทองคำมีทิศทางเป็นขาขึ้นจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดย GCAP GOLD ได้ประเมินเป้าหมายของการปรับตัวขึ้นระยะสั้นเบื้องต้นไว้ที่ $3,150 / $3,200 และราคาทองคำไทยอาจทำ New High อยู่ที่ประมาณ 50,800 บาท และหากเงินบาทอ่อนค่าขึ้นเพิ่มเติมอาจจะเห็น 51,200 บาท

นอกจากนี้ ทั่วโลกยังเฝ้าจับตาการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของสหรัฐฯ ในวันที่ 2 เมษายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งทางประธานาธิบดีทรัมป์ จะประกาศบังคับใช้ภาษีตอบโต้รอบใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเพราะเป็นช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดทางการค้าอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการ ขึ้นภาษีและการตอบโต้จากประเทศอื่นๆ ตามมา

 สิ่งที่ต้องจับตามองในมาตรการทางภาษีรอบใหม่ครั้งนี้ คือ ความเข้มข้นของภาษีตอบโต้จะมากน้อยเพียงใด และจะครอบคลุมสินค้าหรืออุตสาหกรรมใดบ้าง และการตอบโต้จากประเทศที่ได้รับผลกระทบ

อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของการตอบโต้จะขึ้นอยู่กับระดับภาษีที่สหรัฐฯ ประกาศ และความพร้อมของแต่ละประเทศในการปกป้องเศรษฐกิจของตน อาทิ จีนอาจจะเลือกตอบโต้ด้วยภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, สหภาพยุโรปอาจตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเครื่องบินพาณิชย์, เอเชียและประเทศเกิดใหม่ กลุ่มประเทศเอเชียที่พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ อาจเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ทำให้บางประเทศอาจเลือกตอบโต้ด้วยมาตรการที่ส่งผลต่อบรรษัทข้ามชาติสหรัฐฯ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศนั้น ๆ

โดยกลุ่มประเทศ “Dirty 15” รายชื่อเบื้องต้นประกอบด้วย จีน เยอรมนี เม็กซิโก ญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สวิตเซอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ แคนาดา และอิตาลี ประเทศเหล่านี้มีดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นบวกอย่างมาก ซึ่งหมายความว่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากกว่าการนำเข้า จึงตกเป็นเป้าหมายของมาตรการภาษีใหม่