รายงานพิเศษ : PCE พื้นฐานแกร่ง หุ้นสภาพคล่องสูง ติดโผดัชนี FTSE Micro Cap
ธุรกิจปาล์มน้ำมันปี2568 ยังมีการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยรัฐบาลส่งเสริมการปฏิรูปด้านเกษตรแบบ Sandbox โดยใช้ตลาดนำ สร้างความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม สนับสนุนการเติบโต บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ที่รายได้ปีนี้คาดแตะ 30,000 ล้านบาท และบริษัทยังได้ติดโผดัชนี FTSE Micro Cap
บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีระดับสากล FTSE SET Index จากดัชนีฟุตซี่ (FTSE Russell) ที่จัดทำร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีการประกาศผลการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ ซึ่ง PCE จัดอยู่ในกลุ่ม FTSE Micro Cap มีผลบังคับใช้หลังราคาปิดของวันที่ 21 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
“พรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล” รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน ระบุว่า การที่หุ้น PCE ได้เข้าคำนวณใน FTSE Micro Cap ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน และเพิ่มโอกาสการเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนในระดับสากลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น ยังชี้ให้เห็นว่าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องที่ดีอีกด้วย
สำหรับปี 2568 คาดว่า รายได้จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 30,000 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มว่าการส่งออกน้ำมันปาล์มไปจีน และอินเดียยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี และบริษัทฯ เตรียมแผนขยายกำลังการผลิต เน้นเพิ่มมูลค่าสินค้า เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น
รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ รวมถึงได้ให้ความสำคัญต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
และยังมีปัจจัยสนับสนุนธุรกิจจากแผนระยะกลาง-ยาวของรัฐบาล ที่เน้นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่
-
เริ่มปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมแบบ Sandbox โดยยึดความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป และการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมเดิม
-
ปรับโครงสร้างด้านราคาพลังงาน และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เช่น นโยบาย Direct PPA และ UGT เพื่อตอบโจทย์มาตรฐานการค้าการลงทุนปัจจุบัน
-
เร่งปฏิรูปด้านเกษตรแบบ Sandbox โดยใช้ตลาดนำ เริ่มจากสินค้าเกษตรหลัก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เน้นเรื่องความสมดุลอุปสงค์-อุปทาน พัฒนาปัจจัยทุน ได้แก่ ดิน เมล็ดพันธุ์ น้ำ และเพิ่มผลิตภาพ ทั้งหมดนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร