จับประเด็นหุ้นเด่น
สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดใจ “วิโรจน์ เจริญตรา” หนุน PREB หุ้นเติบโตสม่ำเสมอ- มั่นคง-ปันผลต่อเนื่อง
13 มีนาคม 2566
ปี 2565 นับเป็นปีที่ท้าทายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผลประกอบการของบริษัทบมจ.พรีบิลท์ (PREB) ปีที่ผ่านมาได้สร้าง Surprise ให้กับวงการ โดยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งมีสาเหตุจากอะไร และทิศทางในปี 2566 จะเป็นอย่างไร เราไปเจาะลึกกับ “วิโรจน์ เจริญตรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PREB
ผลประกอบการปี 65 เป็นอย่างไรบ้าง
บริษัทมี 3 ธุรกิจ ธุรกิจหลักเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง ส่วนธุรกิจลูกอีก 2 บริษัท เป็นธุรกิจวัสดุก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปีที่ผ่านมาผลงานดีทุกบริษัทมีผลงานเป็นที่น่าพอใจ ทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น
ซึ่งปี 65 มี Surprise นิดหน่อย กำไรเติบโตกว่า 40% ขณะที่รายได้โตจาก 4,500 เป็น 5,700 เพิ่มขึ้น 26-27% เนื่องจากเป็นปีแรกที่อสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการโอนมากขึ้น โดยปี 2565 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 900 ล้านบาท กำไร 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 20 ล้านบาท หรือ เติบโตเกือบ 2 เท่าตัว ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นมาก และบริษัทยังมีกำไรจากบริษัทมีเข้าร่วมทุน ทำให้ผลงานของบริษัทกลับมาฟื้นตัวเท่ากับช่วงก่อนที่จะเกิดโควิด
วางเป้าหมายปี 2566 อย่างไร
เราคาดว่าภาพรวมโต 10% เนื่องจากปีที่แล้วฐานสูง มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โต 20% ตัวอื่นคงที่ PCM กำลังการผลิตเต็มที่แล้วประมาณ 90% ก่อสร้างเติบโตอีกนิดหน่อย แต่ตัวชูโรงเป็นอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีรายได้จาก 5 โครงการ ได้แก่ โครงการพิมนารา ศรีนครินทร์ บางนา โครงการพิมนารา ธรรมศาสตร์ รังสิต โครงการพรีวิลเลจ ธรรมศาสตร์ รังสิต และที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีอีก 2 โครงการ คือ โครงการพิมนารา ศาลายาและโครงการพรรณนา ทวีวัฒน า ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีมูลค่ายอดโอนรวมกันกว่า 1,200 ล้านบาท ทำให้ปีนี้มูลค่าโครงการทั้งหมดที่เปิดประมาณ 3,500 ล้านบาท
งบลงทุนในแต่ละปี
เงินในการซื้อที่ดินอยู่ที่ ปีละ 500-1,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะรักษาการเติบโตให้มีความต่อเนื่องในทุกปี
มองธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปีนี้อย่างไร
ปีนี้คิดว่าน่าจะกระจายสัดส่วน โดยมีเป้าหมายให้สัดส่วนของคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 40% ลดลงจากอดีตที่เคยสูงถึง 70% ในช่วงก่อนเกิดโควิด ส่วนที่เหลือกระจายไปที่ออฟฟิค โรงแรม ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล
ดอกเบี้ยปรับขึ้นกระทบลูกค้าหรือไม่
ดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นจะกระทบกับโครงการที่มีราคาไม่สูงมาก แต่โครงการที่มีราคาสูง คิดว่าดอกเบี้ยขึ้นนิดหน่อยไม่น่ามีผลมาก เมื่อแลกกับสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมันดีกว่า ขอให้บรรยากาศดี เศรษฐกิจดี ให้ดอกเบี้ยขึ้นนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าบรรยากาศไม่ดี ดอกเบี้ยถูกก็ไม่มีคนซื้อ
การปรับราคาค่าแรงขั้นต่ำ
เรื่องการปรับค่าแรง เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความกังวล เพราะบริษัทมีแรงงาน 2,000-3,000 คน การปรับค่าแรงจึงเป็นต้นทุนหลักประมาณ 30% และยังมีค่าแรงแฝงในค่าวัสดุก่อสร้าง แต่หากเป็นการทยอยปรับ หรือมีระยะเวลาการปรับค่าแรงที่ชัดเจน ถือว่าเป็นสิ่งที่ธุรกิจรับได้ เนื่องจากการปรับราคาสินค้าจะทำได้ง่ายขึ้น และการปรับค่าแรงเรื่อยๆ หรือปรับขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 600 บาท จะทำให้ผู้ประกอบการอาจพิจารณาใช้หุ่นยนต์ หรือเทคโนโลยี มาทดแทนแรงงานง่ายขึ้น แต่ยังอาจทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่า เช่น เวียดนาม
แนวทางนำบริษัทอสังหาริมทรัพย์เข้าตลาดหลักทรัพย์
เรามีความพร้อมอยู่แล้ว แต่ขอดูอีกซักพัก เนื่องจากบริษัทยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก และขอดูบรรยากาศส่วนรวม ในการซื้อขาย เนื่องจากคุณสมบัติของบริษัทสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่บรรยากาศในปัจจุบันยังไม่เอื้อ ซึ่งน่าจะอีกประมาณ 2 ปี หรือปี 2568 และคิดว่า Supply น่าจะเริ่มหมดแล้ว ทำให้ความน่าสนใจของธุรกิจมีมากขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตปีละ 20%
บริษัทเน้นบ้านแนวราบ โดยส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว เพราะบริษัทเชื่อว่าทุกคนต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง โดยการซื้อ Townhouse มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของการมีบ้าน แต่พอมีฐานะมากขึ้น ก็จะปรับมาซื้อบ้านเดี่ยว เนื่องจากบ้านเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จในชีวิต ส่วนคอนโดเราก็มีความเชี่ยวชาญ มีแลนด์แบงก์ แต่เนื่องจากบรรยากาศยังไม่เอื้อ ต้องอีกซัก 2 ปี จึงเหมาะสมที่จะสร้าง
จุดแข็งของบริษัท PREB
บริษัทเป็นคนก่อสร้างบ้านเอง มีผู้รับเหมาของเราเอง ทำให้เรามีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ และบริษัทยังเน้นเรื่องการสร้างบ้านให้มีคุณภาพ มีบริการหลังการขายที่ดี มีช่างที่ทำงานเป็นพันคน มีทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญ สร้างบ้านตามหลักวิชาการ
ปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจ
เป็นเรื่องภายนอก สงคราม การเลือกตั้งในประเทศ การหยุดชะงัก หรือความล่าช้าในโครงการการลงทุนของรัฐบาล เช่น โครงการ EEC ส่วนทิศทางดอกเบี้ยยังไม่ถึงจุดที่เป็นกังวล เพราะในอดีตดอกเบี้ยเคยอยู่สูงกว่าปัจจุบันมาก ซึ่งดอกเบี้ยในปัจจุบันยังรับได้ และไม่คิดว่าดอกเบี้ยจะปรับขึ้นได้อีกมาก เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ทริสประกาศคง Rating ของเรา
เป็นเรื่องที่ดี เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินที่ดูแลเรา หรือนักลงทุน สะท้อนว่าบริษัทยังมีฐานะมั่นคง แต่การปรับ Rating ขึ้น คงทำได้ยากเนื่องจากบริษัทที่มี Rating AAA ต้องมีวอลุ่มถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งการคง Rating จะส่งผลดีต่อบริษัท ที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้ บริษัทสามารถออกหุ้นกู้ได้ และการปล่อยสินเชื่อของธนาคารก็คิดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่แพง
นิยามหุ้น PREB
เราอยากให้บริษัทเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสม่ำเสมอ มั่นคง และมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง
ผลประกอบการปี 65 เป็นอย่างไรบ้าง
บริษัทมี 3 ธุรกิจ ธุรกิจหลักเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง ส่วนธุรกิจลูกอีก 2 บริษัท เป็นธุรกิจวัสดุก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปีที่ผ่านมาผลงานดีทุกบริษัทมีผลงานเป็นที่น่าพอใจ ทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น
ซึ่งปี 65 มี Surprise นิดหน่อย กำไรเติบโตกว่า 40% ขณะที่รายได้โตจาก 4,500 เป็น 5,700 เพิ่มขึ้น 26-27% เนื่องจากเป็นปีแรกที่อสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการโอนมากขึ้น โดยปี 2565 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 900 ล้านบาท กำไร 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 20 ล้านบาท หรือ เติบโตเกือบ 2 เท่าตัว ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นมาก และบริษัทยังมีกำไรจากบริษัทมีเข้าร่วมทุน ทำให้ผลงานของบริษัทกลับมาฟื้นตัวเท่ากับช่วงก่อนที่จะเกิดโควิด
วางเป้าหมายปี 2566 อย่างไร
เราคาดว่าภาพรวมโต 10% เนื่องจากปีที่แล้วฐานสูง มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โต 20% ตัวอื่นคงที่ PCM กำลังการผลิตเต็มที่แล้วประมาณ 90% ก่อสร้างเติบโตอีกนิดหน่อย แต่ตัวชูโรงเป็นอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีรายได้จาก 5 โครงการ ได้แก่ โครงการพิมนารา ศรีนครินทร์ บางนา โครงการพิมนารา ธรรมศาสตร์ รังสิต โครงการพรีวิลเลจ ธรรมศาสตร์ รังสิต และที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีอีก 2 โครงการ คือ โครงการพิมนารา ศาลายาและโครงการพรรณนา ทวีวัฒน า ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีมูลค่ายอดโอนรวมกันกว่า 1,200 ล้านบาท ทำให้ปีนี้มูลค่าโครงการทั้งหมดที่เปิดประมาณ 3,500 ล้านบาท
งบลงทุนในแต่ละปี
เงินในการซื้อที่ดินอยู่ที่ ปีละ 500-1,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะรักษาการเติบโตให้มีความต่อเนื่องในทุกปี
มองธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปีนี้อย่างไร
ปีนี้คิดว่าน่าจะกระจายสัดส่วน โดยมีเป้าหมายให้สัดส่วนของคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 40% ลดลงจากอดีตที่เคยสูงถึง 70% ในช่วงก่อนเกิดโควิด ส่วนที่เหลือกระจายไปที่ออฟฟิค โรงแรม ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล
ดอกเบี้ยปรับขึ้นกระทบลูกค้าหรือไม่
ดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นจะกระทบกับโครงการที่มีราคาไม่สูงมาก แต่โครงการที่มีราคาสูง คิดว่าดอกเบี้ยขึ้นนิดหน่อยไม่น่ามีผลมาก เมื่อแลกกับสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมันดีกว่า ขอให้บรรยากาศดี เศรษฐกิจดี ให้ดอกเบี้ยขึ้นนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าบรรยากาศไม่ดี ดอกเบี้ยถูกก็ไม่มีคนซื้อ
การปรับราคาค่าแรงขั้นต่ำ
เรื่องการปรับค่าแรง เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความกังวล เพราะบริษัทมีแรงงาน 2,000-3,000 คน การปรับค่าแรงจึงเป็นต้นทุนหลักประมาณ 30% และยังมีค่าแรงแฝงในค่าวัสดุก่อสร้าง แต่หากเป็นการทยอยปรับ หรือมีระยะเวลาการปรับค่าแรงที่ชัดเจน ถือว่าเป็นสิ่งที่ธุรกิจรับได้ เนื่องจากการปรับราคาสินค้าจะทำได้ง่ายขึ้น และการปรับค่าแรงเรื่อยๆ หรือปรับขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 600 บาท จะทำให้ผู้ประกอบการอาจพิจารณาใช้หุ่นยนต์ หรือเทคโนโลยี มาทดแทนแรงงานง่ายขึ้น แต่ยังอาจทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่า เช่น เวียดนาม
แนวทางนำบริษัทอสังหาริมทรัพย์เข้าตลาดหลักทรัพย์
เรามีความพร้อมอยู่แล้ว แต่ขอดูอีกซักพัก เนื่องจากบริษัทยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก และขอดูบรรยากาศส่วนรวม ในการซื้อขาย เนื่องจากคุณสมบัติของบริษัทสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่บรรยากาศในปัจจุบันยังไม่เอื้อ ซึ่งน่าจะอีกประมาณ 2 ปี หรือปี 2568 และคิดว่า Supply น่าจะเริ่มหมดแล้ว ทำให้ความน่าสนใจของธุรกิจมีมากขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตปีละ 20%
บริษัทเน้นบ้านแนวราบ โดยส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว เพราะบริษัทเชื่อว่าทุกคนต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง โดยการซื้อ Townhouse มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของการมีบ้าน แต่พอมีฐานะมากขึ้น ก็จะปรับมาซื้อบ้านเดี่ยว เนื่องจากบ้านเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จในชีวิต ส่วนคอนโดเราก็มีความเชี่ยวชาญ มีแลนด์แบงก์ แต่เนื่องจากบรรยากาศยังไม่เอื้อ ต้องอีกซัก 2 ปี จึงเหมาะสมที่จะสร้าง
จุดแข็งของบริษัท PREB
บริษัทเป็นคนก่อสร้างบ้านเอง มีผู้รับเหมาของเราเอง ทำให้เรามีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ และบริษัทยังเน้นเรื่องการสร้างบ้านให้มีคุณภาพ มีบริการหลังการขายที่ดี มีช่างที่ทำงานเป็นพันคน มีทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญ สร้างบ้านตามหลักวิชาการ
ปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจ
เป็นเรื่องภายนอก สงคราม การเลือกตั้งในประเทศ การหยุดชะงัก หรือความล่าช้าในโครงการการลงทุนของรัฐบาล เช่น โครงการ EEC ส่วนทิศทางดอกเบี้ยยังไม่ถึงจุดที่เป็นกังวล เพราะในอดีตดอกเบี้ยเคยอยู่สูงกว่าปัจจุบันมาก ซึ่งดอกเบี้ยในปัจจุบันยังรับได้ และไม่คิดว่าดอกเบี้ยจะปรับขึ้นได้อีกมาก เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ทริสประกาศคง Rating ของเรา
เป็นเรื่องที่ดี เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินที่ดูแลเรา หรือนักลงทุน สะท้อนว่าบริษัทยังมีฐานะมั่นคง แต่การปรับ Rating ขึ้น คงทำได้ยากเนื่องจากบริษัทที่มี Rating AAA ต้องมีวอลุ่มถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งการคง Rating จะส่งผลดีต่อบริษัท ที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้ บริษัทสามารถออกหุ้นกู้ได้ และการปล่อยสินเชื่อของธนาคารก็คิดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่แพง
นิยามหุ้น PREB
เราอยากให้บริษัทเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสม่ำเสมอ มั่นคง และมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง