เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 14-03-23
14-03-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
****กูรูหุ้นจาก บล.ทรีนีตี้ พาไปโฟกัสเกี่ยวกับประเด็นที่ กพช. มีมติเห็นชอบรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่ม 3,668.5 เมกะวัตต์ ภายใต้แผน PDP2018 Rev. มี 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1 เพื่อลดผลกระทบเรื่องค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment)และเพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral ภายในปี 2593 และ Net Zero ภายในปี 2608 ทั้งนี้การรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพิ่มเติมแบ่งเป็น 1. พลังงานแสงอาทิตย์ 2,632 เมกะวัตต์ 2. พลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ 3. ก๊าซชีวภาพ 6.5 เมกะวัตต์ และ 4. ขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์
***สำหรับการเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดเป็น sentiment เชิงบวกกลับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP และ VSPP โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่เน้นการลงทุนพลังงานสะอาดในประเทศ เพราะมีหลายบริษัทลงทุนใน Solar Farm อาจส่งผลให้หลายบริษัทตัดราคาค่าไฟเพื่อเข้ารอบ ในขณะที่ Wind farm ที่มีผู้เล่นน้อยจะได้รับผลประโยชน์มากกว่า โดย Top pick โรงไฟฟ้าขนาดเล็กได้แก่ DEMCO, EP, ETCโรงไฟฟ้าขนาดกลางได้แก่ BCPG, SPCG, SSP โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้แก่ EA, EGCO, GUNKUL
***ประเด็นที่ 2 คือ กกพ. เปิดรับความคิดเห็นการขึ้นค่า Ft งวด พ.ค. - ส.ค. 2566 เพื่อจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้แก่ กฟผ. ก่อนเคาะจริงในวันที่ 22 มีนาคม 2566 โดยสามารถแบ่งเป็น 3 กรณี
1. จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างภายใน 1งวด แบ่งเป็นค่า Ft สะท้อนต้นทุน 63.37สตางค์ และค่า Ft คงค้าง 230.23 สตางค์ต่อหน่วย เป็นค่า Ft รวม 293.6 สตางค์(คิดเป็นค่าไฟ 6.72 บาทต่อหน่วย)
2. จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างภายใน 5งวด แบ่งเป็นค่า Ft สะท้อนต้นทุน 63.37สตางค์ และแบ่งค่า Ft คงค้างเป็น 5 งวด งวดละ 41.88 สตางค์ต่อหน่วย เป็นค่าFt รวม 105.25 สตางค์ (คิดเป็นค่าไฟ 4.84 บาทต่อหน่วย)
3. จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างภายใน 6งวด แบ่งเป็นค่า Ft สะท้อนต้นทุน 63.37สตางค์ และแบ่งค่า Ft คงค้างเป็น 6 งวด งวดละ 34.90 สตางค์ต่อหน่วย เป็นค่าFt รวม 98.27 สตางค์ (คิดเป็นค่าไฟ 4.77 บาทต่อหน่วย)
***ประเด็นที่ 2 นี้กูรูหุ้นมีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยกับการ hearing เกี่ยวกับค่า Ft ของ กกพ. ในงวดนี้ โดยโรงไฟฟ้า SPP จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในถ้ากรณีที่ 1 ถูกบังคับใช้ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของค่า Ft อีก139.58 สตางค์ต่อหน่วย (ค่า Ft งวด ม.ค. - เม.ย. 2566 อยู่ที่ 154.02 สตางค์ต่อหน่วย) ทั้งนี้กรณีที่ 2 และ 3 ถูกบังคับใช้ มองว่าโรงไฟฟ้า SPP ก็จะได้รับประโยน์น้อยลง อย่างไรก็ตามค่า Ft ในกรณี 2 และ 3 ก็ยังมากกว่าค่า Ft ในงวดเดียวกันปีที่แล้วที่อยู่ที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย
***กรณีนี้แนะนำให้ “ซื้อ” GPSC และ “ซื้อ” BGRIM โดยทั้งสองได้รับประโยชน์จากการคง/ขึ้นค่า Ft ในงวด พ.ค. - ส.ค. 2566 ในขณะ
ที่ต้นทุนพลังงาน (LNG) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
***ตอบรับทันที!!! GUNKUL ของเรา!!! ซีอีโอคนเก่ง “สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย”ไม่รอช้าประกาศความพร้อมทุกมิติในการชิงเค้กก้อนนี้โดยเฉพาะฐานเงินทุน และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ระดับที่แข็งแกร่งสามารถรองรับวงเงินลงทุนได้มูลค่าราว 40,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปีจากนี้ไป รู้อย่างนี้แล้วมีแต่โตวันโตคืน สมกับเป็นหุ้นพื้นฐานดี กำไรโต ปันผลสวย ใครยังไม่มีหุ้นติดพอร์ตไว้เสียดายแทนเลยคร้าา!
***ส่วน EP ประกาศความพร้อมเต็มพิกัด!!! "ป๋ายุทธ-ยุทธ ชินสุภัคกุล" ประกาศพร้อมยื่นขอทันที!!! ตั้งเป้ายื่นขอผลิตไฟฟ้ารูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ.2565 รวม 100 เมกะวัตต์ แจกแจงให้เห็นชัดๆ EP มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการสร้างและบริหารโรงไฟฟ้า รวมทั้งแหล่งเงินทุน เตรียมรองรับไว้แล้ว มั่นใจดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน
***ของจริง-ไม่ได้โม้!!!! ที่ผ่านมา EP ผ่านคุณสมบัติทางเทคนิคขั้นต่ำครบ 8 โครงการ ขนาดกำลังผลิต 61.625 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น บริษัท เอ็ปโก้ กรีน พาวเวอร์ พลัส จำกัด 4 โครงการ และบริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) 4 โครงการ รอลุ้นสรุปผลคัดเลือกในเดือนเมษายนนี้ ส่วนที่เหลือรอ กกพ.ประกาศรับซื้อเพิ่มเติม
***ยังไม่จบเรื่องของธุรกิจพลังงานจ้า....สายด่วนร้อนๆ รายงานเกี่ยวกับเรื่องของ EA ล่าสุด!!! ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการจัดงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องร่วมกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว โดยกระทรวงการเงิน(กระทรวงการคลัง) แห่ง สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับสู่สังคมไร้มลพิษ
***งานนี้ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ท่านสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของ สปป. ลาว เป็นประธานในพิธี โดยมี ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน ( กระทรวงการคลัง) และขุ่นพี่ "สมโภชน์ อาหุนัย" บิ๊กบอส EA ร่วมในพิธีลงนาม ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ครั้งนี้นับว่าเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญในระดับประเทศ เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการพัฒนาพลังงานสะอาด รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มศักยภาพด้านพลังงานของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร สู่สังคมไร้มลพิษ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน
***ด้านเซียนหุ้นชั้นแนวหน้าได้แนะนำให้“ซื้อ” EA โดยมีประเด็นสำคัญคือ
1) จากที่เริ่มเห็นการรับรู้รายได้โดดเด่นจากธุรกิจ EV ใน 4Q22 ในปี 2023Eคาดเห็น revenue growth หลักจากธุรกิจ EV และแบตเตอรี่เป็นหลัก
2) ทุกธุรกิจของ EA มุ่งเน้นการเป็น decarbonisation ตามแนวโน้มของโลกที่ตระหนักเรื่องการลดปริมาณปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และการทำลายสิ่งแวดล้อมรวมถึงคาดจะขยายตลาด bio-diesel ไปสู่ Bio-jet fuel ที่ใช้ในเครื่องบินในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีราคาสูงกว่า fossil-based fuel ถึง 35%
3) ธุรกิจแบตเตอรี่มุ่งเน้นการใช้งานในรถ EV เชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงจากนั้นมีแผนในการนำไปใช้ในการกักเก็บพลังงานทดแทนหรือ ESS
4) ตลาด commercial EV ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากยอดจดทะเบียนรถโดยสารและรถบรรทุกเฉลี่ย 5 ปี จาก 2018-2022 อยู่ที่ราว 7.9 หมื่นคันต่อปี
5) จากการทำข้อตกลงขาย carbon credit จากผลิต EV bus บริษัทคาดสามารถ save carbon credit ได้มากกว่า 10 ล้านตันต่อปีภายใน 2030E จากธุรกิจพลังงานทดแทนและธุรกิจ EV
***เซียนหุ้นได้ประมาณการกำไรปี 2023E ของ EA ไว้ที่ 1.0 หมื่นล้านบาท โต +36% YoY จากปี 2022 ที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น โดยคาดในปี2023E ยอดส่งมอบรถ EV Bus รวมที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 คันจากใน 2022 ที่1,160 คัน โดยจะรับรู้เป็นกำไรราว 740 ล้านบาท (ไม่รวมส่วนแบ่งกำไรจากการถือ NEX ที่สัดส่วน 40%)
***ราคาหุ้น EA ที่ underperform SET ที่ -9%/-20% ในช่วง1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่องการส่งมอบรถ EV Bus คาดว่าจะล่าช้าและข่าวเชิงลบเกี่ยวกับเรือโดยสารไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งจากการตรองสอบล่าสุดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ Battery ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม 4Q22 เห็นยอดส่งมอบรถได้ตามเป้าที่วางไว้ ทำให้เชื่อมั่นว่าใน 2023E จะส่งมอบได้มากกว่า 3,000 คัน รวมถึงเริ่มมีการส่งมอบรถ EV Bus จากการทำสัญญากับมาเลเซียใน 2H23E
***จะลืมหุ้นตัวไหนก้อได้..แต่ไม่ใช่กับ SNNP แหม!! เนื้อหอมสุดๆๆๆๆ ฮอตไลน์สายร้อนรายงานว่าได้รับเชิญออกงานโรดโชว์ถี่ยิบ!!!! ล่าสุดเป็นของ บล. ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) หรือ CLSA ข่าวว่า..กระแสตอบรับดีสุดๆ เข้าร่วมฟังข้อมูลเพียบ สร้างความคึกคักเป็นอย่างมาก นาทีนี้เรียกว่าเนื้อหอมที่สุด!!! เห็นทีงานนี้ SNNP คงเป็นหุ้นไทยสุดฮอต ที่อยู่ในโฟกัสกองทุนต่างชาติที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในเร็ววัน ส่งสัญญาณดีขนาดนี้แล้ว นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นติดพอร์ตไว้..เดี๋ยวจะหาสวยไม่เตือน!!!!
14-03-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
****กูรูหุ้นจาก บล.ทรีนีตี้ พาไปโฟกัสเกี่ยวกับประเด็นที่ กพช. มีมติเห็นชอบรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่ม 3,668.5 เมกะวัตต์ ภายใต้แผน PDP2018 Rev. มี 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1 เพื่อลดผลกระทบเรื่องค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment)และเพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral ภายในปี 2593 และ Net Zero ภายในปี 2608 ทั้งนี้การรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพิ่มเติมแบ่งเป็น 1. พลังงานแสงอาทิตย์ 2,632 เมกะวัตต์ 2. พลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ 3. ก๊าซชีวภาพ 6.5 เมกะวัตต์ และ 4. ขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์
***สำหรับการเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดเป็น sentiment เชิงบวกกลับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP และ VSPP โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่เน้นการลงทุนพลังงานสะอาดในประเทศ เพราะมีหลายบริษัทลงทุนใน Solar Farm อาจส่งผลให้หลายบริษัทตัดราคาค่าไฟเพื่อเข้ารอบ ในขณะที่ Wind farm ที่มีผู้เล่นน้อยจะได้รับผลประโยชน์มากกว่า โดย Top pick โรงไฟฟ้าขนาดเล็กได้แก่ DEMCO, EP, ETCโรงไฟฟ้าขนาดกลางได้แก่ BCPG, SPCG, SSP โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้แก่ EA, EGCO, GUNKUL
***ประเด็นที่ 2 คือ กกพ. เปิดรับความคิดเห็นการขึ้นค่า Ft งวด พ.ค. - ส.ค. 2566 เพื่อจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้แก่ กฟผ. ก่อนเคาะจริงในวันที่ 22 มีนาคม 2566 โดยสามารถแบ่งเป็น 3 กรณี
1. จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างภายใน 1งวด แบ่งเป็นค่า Ft สะท้อนต้นทุน 63.37สตางค์ และค่า Ft คงค้าง 230.23 สตางค์ต่อหน่วย เป็นค่า Ft รวม 293.6 สตางค์(คิดเป็นค่าไฟ 6.72 บาทต่อหน่วย)
2. จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างภายใน 5งวด แบ่งเป็นค่า Ft สะท้อนต้นทุน 63.37สตางค์ และแบ่งค่า Ft คงค้างเป็น 5 งวด งวดละ 41.88 สตางค์ต่อหน่วย เป็นค่าFt รวม 105.25 สตางค์ (คิดเป็นค่าไฟ 4.84 บาทต่อหน่วย)
3. จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างภายใน 6งวด แบ่งเป็นค่า Ft สะท้อนต้นทุน 63.37สตางค์ และแบ่งค่า Ft คงค้างเป็น 6 งวด งวดละ 34.90 สตางค์ต่อหน่วย เป็นค่าFt รวม 98.27 สตางค์ (คิดเป็นค่าไฟ 4.77 บาทต่อหน่วย)
***ประเด็นที่ 2 นี้กูรูหุ้นมีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยกับการ hearing เกี่ยวกับค่า Ft ของ กกพ. ในงวดนี้ โดยโรงไฟฟ้า SPP จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในถ้ากรณีที่ 1 ถูกบังคับใช้ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของค่า Ft อีก139.58 สตางค์ต่อหน่วย (ค่า Ft งวด ม.ค. - เม.ย. 2566 อยู่ที่ 154.02 สตางค์ต่อหน่วย) ทั้งนี้กรณีที่ 2 และ 3 ถูกบังคับใช้ มองว่าโรงไฟฟ้า SPP ก็จะได้รับประโยน์น้อยลง อย่างไรก็ตามค่า Ft ในกรณี 2 และ 3 ก็ยังมากกว่าค่า Ft ในงวดเดียวกันปีที่แล้วที่อยู่ที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย
***กรณีนี้แนะนำให้ “ซื้อ” GPSC และ “ซื้อ” BGRIM โดยทั้งสองได้รับประโยชน์จากการคง/ขึ้นค่า Ft ในงวด พ.ค. - ส.ค. 2566 ในขณะ
ที่ต้นทุนพลังงาน (LNG) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
***ตอบรับทันที!!! GUNKUL ของเรา!!! ซีอีโอคนเก่ง “สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย”ไม่รอช้าประกาศความพร้อมทุกมิติในการชิงเค้กก้อนนี้โดยเฉพาะฐานเงินทุน และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ระดับที่แข็งแกร่งสามารถรองรับวงเงินลงทุนได้มูลค่าราว 40,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปีจากนี้ไป รู้อย่างนี้แล้วมีแต่โตวันโตคืน สมกับเป็นหุ้นพื้นฐานดี กำไรโต ปันผลสวย ใครยังไม่มีหุ้นติดพอร์ตไว้เสียดายแทนเลยคร้าา!
***ส่วน EP ประกาศความพร้อมเต็มพิกัด!!! "ป๋ายุทธ-ยุทธ ชินสุภัคกุล" ประกาศพร้อมยื่นขอทันที!!! ตั้งเป้ายื่นขอผลิตไฟฟ้ารูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ.2565 รวม 100 เมกะวัตต์ แจกแจงให้เห็นชัดๆ EP มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการสร้างและบริหารโรงไฟฟ้า รวมทั้งแหล่งเงินทุน เตรียมรองรับไว้แล้ว มั่นใจดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน
***ของจริง-ไม่ได้โม้!!!! ที่ผ่านมา EP ผ่านคุณสมบัติทางเทคนิคขั้นต่ำครบ 8 โครงการ ขนาดกำลังผลิต 61.625 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น บริษัท เอ็ปโก้ กรีน พาวเวอร์ พลัส จำกัด 4 โครงการ และบริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) 4 โครงการ รอลุ้นสรุปผลคัดเลือกในเดือนเมษายนนี้ ส่วนที่เหลือรอ กกพ.ประกาศรับซื้อเพิ่มเติม
***ยังไม่จบเรื่องของธุรกิจพลังงานจ้า....สายด่วนร้อนๆ รายงานเกี่ยวกับเรื่องของ EA ล่าสุด!!! ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการจัดงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องร่วมกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว โดยกระทรวงการเงิน(กระทรวงการคลัง) แห่ง สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับสู่สังคมไร้มลพิษ
***งานนี้ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ท่านสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของ สปป. ลาว เป็นประธานในพิธี โดยมี ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน ( กระทรวงการคลัง) และขุ่นพี่ "สมโภชน์ อาหุนัย" บิ๊กบอส EA ร่วมในพิธีลงนาม ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ครั้งนี้นับว่าเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญในระดับประเทศ เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการพัฒนาพลังงานสะอาด รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มศักยภาพด้านพลังงานของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร สู่สังคมไร้มลพิษ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน
***ด้านเซียนหุ้นชั้นแนวหน้าได้แนะนำให้“ซื้อ” EA โดยมีประเด็นสำคัญคือ
1) จากที่เริ่มเห็นการรับรู้รายได้โดดเด่นจากธุรกิจ EV ใน 4Q22 ในปี 2023Eคาดเห็น revenue growth หลักจากธุรกิจ EV และแบตเตอรี่เป็นหลัก
2) ทุกธุรกิจของ EA มุ่งเน้นการเป็น decarbonisation ตามแนวโน้มของโลกที่ตระหนักเรื่องการลดปริมาณปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และการทำลายสิ่งแวดล้อมรวมถึงคาดจะขยายตลาด bio-diesel ไปสู่ Bio-jet fuel ที่ใช้ในเครื่องบินในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีราคาสูงกว่า fossil-based fuel ถึง 35%
3) ธุรกิจแบตเตอรี่มุ่งเน้นการใช้งานในรถ EV เชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงจากนั้นมีแผนในการนำไปใช้ในการกักเก็บพลังงานทดแทนหรือ ESS
4) ตลาด commercial EV ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากยอดจดทะเบียนรถโดยสารและรถบรรทุกเฉลี่ย 5 ปี จาก 2018-2022 อยู่ที่ราว 7.9 หมื่นคันต่อปี
5) จากการทำข้อตกลงขาย carbon credit จากผลิต EV bus บริษัทคาดสามารถ save carbon credit ได้มากกว่า 10 ล้านตันต่อปีภายใน 2030E จากธุรกิจพลังงานทดแทนและธุรกิจ EV
***เซียนหุ้นได้ประมาณการกำไรปี 2023E ของ EA ไว้ที่ 1.0 หมื่นล้านบาท โต +36% YoY จากปี 2022 ที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น โดยคาดในปี2023E ยอดส่งมอบรถ EV Bus รวมที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 คันจากใน 2022 ที่1,160 คัน โดยจะรับรู้เป็นกำไรราว 740 ล้านบาท (ไม่รวมส่วนแบ่งกำไรจากการถือ NEX ที่สัดส่วน 40%)
***ราคาหุ้น EA ที่ underperform SET ที่ -9%/-20% ในช่วง1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่องการส่งมอบรถ EV Bus คาดว่าจะล่าช้าและข่าวเชิงลบเกี่ยวกับเรือโดยสารไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งจากการตรองสอบล่าสุดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ Battery ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม 4Q22 เห็นยอดส่งมอบรถได้ตามเป้าที่วางไว้ ทำให้เชื่อมั่นว่าใน 2023E จะส่งมอบได้มากกว่า 3,000 คัน รวมถึงเริ่มมีการส่งมอบรถ EV Bus จากการทำสัญญากับมาเลเซียใน 2H23E
***จะลืมหุ้นตัวไหนก้อได้..แต่ไม่ใช่กับ SNNP แหม!! เนื้อหอมสุดๆๆๆๆ ฮอตไลน์สายร้อนรายงานว่าได้รับเชิญออกงานโรดโชว์ถี่ยิบ!!!! ล่าสุดเป็นของ บล. ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) หรือ CLSA ข่าวว่า..กระแสตอบรับดีสุดๆ เข้าร่วมฟังข้อมูลเพียบ สร้างความคึกคักเป็นอย่างมาก นาทีนี้เรียกว่าเนื้อหอมที่สุด!!! เห็นทีงานนี้ SNNP คงเป็นหุ้นไทยสุดฮอต ที่อยู่ในโฟกัสกองทุนต่างชาติที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในเร็ววัน ส่งสัญญาณดีขนาดนี้แล้ว นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นติดพอร์ตไว้..เดี๋ยวจะหาสวยไม่เตือน!!!!