Mr.Data
แม้ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนผวนอยู่ในภาวะผันผวน “ขาลง” แต่ถ้าเจาะลงลึกหุ้นรายตัว พบว่ามีหลายบริษัทที่ผลตอบแทนพุ่ง สวนผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี-เม.ย.2568 -16.58% ส่วน mai -21.90%
สัปดาห์นี้ Mr.Data ชวนมาสแกนหุ้นหมู-ไก่ในตลาดหุ้น ประกอบด้วย
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG) ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) (CFARM) ฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา
บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) (GFPT) กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจการเกษตรครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่ปู่ย่าพันธุ์ ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่พ่อแม่พันธุ์ ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ ธุรกิจชำแหละและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่ โดยผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มบริษัท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่ เนื้อไก่สด อาหารแปรรูปจากเนื้อไก่ และ อาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน รวมถึง อาหารสัตว์บก อาหารสัตว์น้ำ
บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(TFG) บริษัทประกอบธุรกิจหลักเกี่ยวกับการผลิตไก่และจำหน่ายไก่สด แช่เย็นและแช่แข็งและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไก่ ผลิตและจำหน่ายสุกร และผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์
สำหรับหุ้นที่ราคาปรับตัวร้อนแรงอย่างโดดเด่นคือ TFG โดยตั้งแต่ต้นปี-31 มี.ค.2568 ราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่า 33.13% ตามมาด้วย BTG ราคาเพิ่มขึ้น 11.70%
ส่วน CFARM ราคาลดลง 13.79% และ GFPT ลดลง 10.47% จากข้อมูลสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด TFG ที่ 6 บาท
ส่วนบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ "ซื้อ" TFG และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2568 ขึ้นเป็น5.25 บาท จากเดิม 5.05 บาท อย่างไรก็ตาม เรา de-rate PER ลงเหลือ 8.1x หรือเท่ากับ +0.55.D. จากเดิม 9.7x เพื่อสะท้อนถึงการเติบโตที่กลับมาอยู่ในระดับปกติ
TFG วางแผนที่จะขยายร้านขายปลีกขึ้นอยู่ที่ 600 สาขาในปี 2568F จาก 401 สาขาในปี 2567 โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่ 1,000 สาขา เพราะ TFG มองเห็นศักยภาพของการแข่งขันในตลาดสดอีกมาก ในขณะเดียวกัน TFG ตั้งเป้าปริมาณขายธุรกิจสุกรเติบโต 25% จากการเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยและเวียดนาม เมื่อปีที่แล้วและปีนี้ รวมถึงผลบวกจากราคาสุกรสูงขึ้นในทั้งสองประเทศน่าจะช่วยหนุนรายได้จากการขายในธุรกิจสุกรได้ดี
“เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TFG จะเติบโต 32% อยู่ที่ 4.14 พันล้านบาท แรงหนุนจากยอดขายเติบโต 11% และ GPM ดีขึ้น 1.4ppts อยู่ที่ 14.8% ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มกำไรสุทธิจากประมาณการเดิมของเราขึ้น 25% หลัก ๆ มาจาก i) รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 5% ii) GPM ปรับเพิ่มขึ้น 1.0ppts และ iii) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 8%
แต่อย่างไรก็ตาม เราปรับเพิ่มสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายขึ้นเล็กน้อยที่ 6.9% เนื่องจากเราคาดว่าต้นทุนการขนส่งจะสูงขึ้นตามปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรายังค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมมากกว่า เป้าหมายของบริษัทในสมมติฐานของร้านขายปลีก และคาดว่าจะมีร้านรวม 520 สาขา ณ สิ้นปีนี้ ส่วนกำไรสุทธิในปี 2569F คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อย 2% อยู่ที่ 4.21 พันล้านบาท โดยการขยายร้านขายปลีกและค่าใช้จ่าย”
ส่วน BTG สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 25 บาท บล.ลิเบอเรเตอร์ แนะนำ "ซื้อ" BTG ราคาเป้าหมาย 24.10 บาท โดยประเมินว่าแนวโน้มการดำเนินงานปี 2568 คาดยังเป็นโทนบวก
ผู้บริหารให้เป้ารายได้ปี 2568 ว่าจะเติบโต 3-5% y-y อัตรากำไรขั้นต้น 13.5%-15% ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขาย 10-11% และเงินลงทุน 4,800 ล้านบาท โดยเราคาดว่าเป้าหมายดังกล่าวมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง
หมู : คาดปริมาณการเลี้ยงในไทยเพิ่มจำนวนไม่มากเนื่องจากปีก่อนได้รับผลจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ขณะที่ราคาขายคาดยังยืนในระดับสูงได้ ส่วนปัญหาหมูเถื่อนสถานการณ์คลี่คลายลงและการจัดการปัญหาทำได้ดีขึ้น
ไก่ : แนวโน้มปริมาณการเลี้ยงคาดไม่เกิดภาวะอุปทานล้นจากปัญหาไข้หวัดนกที่ระบาดในหลายประเทศ ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกของไทยขยายตัวขึ้น ขณะที่ราคาขายอาจจะไม่ปรับขึ้นมากนัก
วัตถุดิบ : คาดยังมีแนวโน้มลดลง y-y ได้ทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลือง
"เราปรับประมาณการกำไรปี 2568 ขึ้น 49% เป็น 2,901 ลบ. +18% y-y สะท้อนราคาเนื้อสัตว์ที่ยังอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะราคาหมู ส่วนไก่คาดจะได้ผลบวกจากการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น และการขยายช่องทางการขายในกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น และยังได้ผลบวกจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง y-y"
หากพิจารณาถึงความสามารถในการจ่ายเงินปันผล พบว่า ในงวดผลการดำเนินงานปี 2567 BTG จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.50 บาท GFPT จ่ายเงินปันผล 0.20 บาท และ TFG ปันผล 0.23 บาท
หุ้นหมูไก่ในตลาดฯ ยังคงมีอัพไซด์เปิดกว้าง ทนรับแรงกระแทก จากภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนจาก War และ Trade War ได้เป็นอย่างดีในเวลานี้ แถมยังมีปันผลติดปลายนวม!