นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยสาหัสอย่างมาก มีหลายปัจจัยเข้ามารุมเร้าไม่หยุด และล่าสุดมีประเด็นแผ่นดินไหว แถมเคราะห์ซ้ำ TRUMP ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ทั่วโลก ซึ่งไทยโดนเรียกเก็บภาษีนำเข้า 37% มีผลบังคับใช้ 9 เม.ย. 68
ทางด้าน รมว.การคลัง ประเมินว่าหากไทยไม่เร่งดำเนินการอะไร จะส่งผลกระทบทำให้ตัวเลข GDP ของไทยลดลงอย่างน้อย 1% ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ หลายสำนักเศรษฐกิจคาดว่า GDP อาจแตะระดับ 1-1.5%
หากเข้าไปสำรวจความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทย นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (3 เม.ย.68) ลดลงไปแล้วกว่า 238 จุด หรือลดลง 17% จากปีก่อนหน้า ซึ่งยังไม่นับรวมดัชนีวันที่ 4 เม.ย.68 ที่ลดลงไปกว่า 20 จุด
ที่น่าสนใจ คือ ความผันผวนของตลาดหุ้นไทย ทำให้ตอนนี้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแคป ของบริษัทจดทะเบียน ไม่มีบริษัทที่มาร์เก็ตแคปเกิน 1 ล้านล้านบาทแล้ว เมื่อเทียบกับปิดปี 2567 ที่ยังมี DELTA ยืนหนึ่ง มาร์เก็ตแคปมูลค่าสูงถึง 1,902,256 ล้านบาท และเป็นเพียงบริษัทจดทะเบียนรายเดียวที่มีมาร์เก็ตแคปสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท ส่วน PTT ปิดปี 2567 มีมาร์เก็ตแคปอันดับ 2 อยู่ที่ 906,875 ล้านบาท
ปี 2568 ผ่านไปแค่ 3 เดือนเศษ กลับกลายเป็นว่า ไม่เหมือนปีก่อนอีกแล้ว เพราะไม่มีบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปเกิน 1 ล้านล้านบาท เพราะ DELTA ปี 2568 ถือว่าสาหัสพอสมควร ราคาดิ่งแรง จนมาร์เก็ตแคปร่วงหล่นลงไปเป็นอันดับ 3 เหลือแค่ 754,665.88 ล้านบาท ลดลงกว่า 1,147,591.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ที่อยู่ระดับ 1,902,256.96 ล้านบาท
โดย PTT หวนขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แต่มีมาร์เก็ตแคปเพียง 921,156 ล้านบาท แม้จะเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน แต่ยังอยู่ระดับต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท
ขณะที่อันดับ 2 ตกเป็นของ ADVANC ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ในช่วงนี้ตลาดหุ้นจะผันผวนหนัก แต่ดูเหมือนนับจากต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน (3 เม.ย.68) ราคาหุ้นกลับติดลบไปเพียง 3% เท่านั้น จนนักวิเคราะห์ยกให้เป็น Defensive Stock โดยข้อมูลล่าสุดมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 826,830 ล้านบาท ส่วน GULF ภายหลังการควบรวมกับ INTUCH ล่าสุด มีมาร์เก็ตแคปสูงเป็นอันดับ 4 อยู่ที่ 728,317 ล้านบาท
ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังคงต้องจับตากันต่อไปว่า จะมีบริษัทจดทะเบียนที่มีมาร์เก็ตแคปเกิน 1 ล้านล้านบาทได้อีกครั้งหรือไม่ ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกแบบนี้