Talk of The Town

ขนลุก! 9 หุ้นใหญ่ โดนโบรกฯ หั่นคำแนะนำ “ขาย” เหตุภาษี “ทรัมป์” ปั่นป่วนโลก


08 เมษายน 2568

มาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนหนัก ค่าเงินอ่อนค่าลงโดยเฉพาะค่าเงินเอเชีย และกระทบสินค้า Commodity อื่นๆ อีกมาก

ขนลุก! 9 หุ้นใหญ่_S2T (เว็บ)_0.jpg

จนทำให้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor , Dynamic Price Band  และห้ามขายชอร์ตชั่วคราว ระหว่าง 8-11 เม.ย.นี้ เนื่องจากการประกาศใช้นโยบายภาษีใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก จนมีการปรับตัวลดลงอย่างมาก 

ท่ามกลางความผันผวนดังกล่าว ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนัก ได้ปรับเป้าหมาย SET Index ประจำปี 2568 ปรับลดลง ปัจจัยกดดันหลัก คือ ผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

หันกลับมาที่หุ้นรายตัว พบว่า นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ปรับลดคำแนะแนะหุ้นหลายบริษัทเป็น “ขาย” 

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทางลบ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์, การท่องเที่ยว, นิคมอุตสาหกรรม, พลังงาน, ส่งออก, ยานยนต์ และธนาคาร ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อ่อนแออยู่แล้วจากผลกระทบของแผ่นดินไหว

ขณะที่กลุ่มที่แข็งแกร่ง (defensive) ในการรับมือกับปัจจัยดังกล่าวคือ โทรคมนาคม, ค้าปลีก, และโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มที่ได้รับประโยชน์บางส่วน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการเงิน (finance) จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และกลุ่มสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานจากราคาพลังงานที่ลดลง

สำหรับหุ้นชื่อดังที่นักวิเคราะห์ค่ายดังกล่าว ปรับคำแนะนำลงเป็นขาย เริ่มที่ PTTEP ปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” จากเดิม “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเหลือ 93 บาท เดิม 134 บาท โดย ภาษีนำเข้าของทรัมป์อาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและลดความต้องการนํ้ามัน ปรับลดคาดการณ์ราคานํ้ามันเบรนท์ลง เป็น 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สำหรับปี 68-70

TOP ภาษีนำเข้าของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อค่าการกลั่นนํ้ามัน ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายด้านความปลอดภัยจะฉุดราคาหุ้น ปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จากเดิม “ถือ” ราคาเป้าหมายเหลือ 20 บาท จากเดิม 27 บาท

TU ยอดขาย 40% มาจากการส่งออกทูน่ากระป๋อง, อาหารทะเลแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียมไปยังสหรัฐฯ ซึ่งไม่สามารถย้ายการผลิตจากประเทศไทยไปยังโรงงานขนาดเล็กที่มีอยู่ในตลาดสหภาพยุโรป/อินเดียและสหรัฐฯ ที่มีภาษีตํ่าได้ทันที ปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จากเดิม ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท

TKN ความเสี่ยงด้านความต้องการในตลาดส่งออกขนมสาหร่ายหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ และตลาดที่ได้รับผลจากมาตรการภาษีอย่างจีนและอินโดนีเซีย (รวมกันคิดเป็น 45% ของยอดขาย) ปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จากเดิม ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท

PIN ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม (IE) เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเพิ่มภาษี เนื่องจากความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความล่าช้าของการตัดสินใจในการย้ายฐานการผลิต เราคาดว่าจะมีผลกระทบต่อปริมาณ, ราคาขาย และอัตรากำไรจากการขายที่ดิน รับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จากเดิม ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4  บาท เดิม 7 บาท

SJWD เกี่ยวกับการส่งออกในระดับสูง ซึ่งเราคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จากเดิม ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 6 บาท จากเดิม 14 บาท

PSL ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้การเติบโตของความต้องการสินค้าเทกองแห้งลดลงตํ่ากว่าการเติบโตของอุปทานเรือใหม่ ปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จากเดิม ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท จากเดิม 13.00 บาท

SAPPE เผชิญกับคำสั่งซื้อที่อ่อนแอจากสหภาพยุโรปและอินโดนีเซียอยู่แล้ว โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากมาตรการภาษียิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง อีกทั้งคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักในการเติบโตก็เผชิญความเสี่ยงเช่นกัน ปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จากเดิม "ถือ" ให้ราคาเป้าหมาย 31 บาท เดิม 41 บาท

ETL ฝ่ายวิจัยคาดว่าการค้าข้ามพรมแดนระหว่างอาเซียนและจีนจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่การขนส่งข้ามพรมแดนของ ETL ก็เผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นเช่นกัน ปรับคำแนะนำลงเป็น "ขาย" จากเดิม "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 0.48 บาท จากเดิม 0.95 บาท

Thailand Web Stat