3 หุ้นไทยรับปัจจัยบวก หลังศาลฯ มีคำสั่งห้าม “เนสท์เล่” ผลิต และจำหน่าย “เนสกาแฟ” ในไทย
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากข่าว Nestle ถูกศาลแพ่งมีนบุรีห้ามผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้า กาแฟสำเร็จรูปแบรนด์ Nescafe ในไทย โดยมองเป็น sentiment บวกต่อคู่แข่ง อาทิ CBG SAPPE TACC แต่ผลบวกจริงค่อนข้างจำกัด เพราะสัดส่วนรายได้ไม่เยอะ
โดยหลังจากที่มีข้อพิพาทกับพันธมิตรเดิม QCP ที่ได้ยุติสัญญาร่วมทุน (ถือหุ้นคนละ 50%) เมื่อ 31 ธ.ค.67 ทั้งนี้ Nescafe ถือเป็นผู้นำในตลาดกาแฟสำเร็จรูปในไทย หากพิจารณามูลค่าตลาดกาแฟทั้งประเทศไทยราวปีละ 6 หมื่นลบ. แบ่งเป็น กาแฟในบ้าน 3.3 หมื่นลบ. และกาแฟนอกบ้าน 2.7 หมื่นลบ.
สำหรับตลาดกาแฟในบ้าน แบ่งเป็น 1. กาแฟ 3 in 1 (สัดส่วน 49% ของกาแฟในบ้าน) ซึ่ง Nescafe มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 มากกว่า 50%
2. กาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม (สัดส่วน 31%) มูลค่าราว 1.4 หมื่นลบ. ผู้นำอันดับ 1 คือ Birdy (52%) รองมาคือ Nescafe (37%) และอันดับ 3 คือ CBG (สัดส่วนราว 2-3%)
3. กาแฟผงสำเร็จรูป (สัดส่วน 14%) Nescafe ก็มีขายสินค้ากลุ่มนี้ ให้ร้านกาแฟต่างๆ หุ้นในตลาดที่มีรายได้ใน segment นี้คือ TACC
4. กาแฟสุขภาพ (6%) อันดับ 1 คือ Naturegift (30%), เพรียว (แบรนด์ของ SAPPE) สัดส่วน 20% และ Nestcafe (10%)
ทั้งนี้เบื้องต้นนักวิเคราะห์ได้ประเมินว่าข่าวนี้เป็น sentiment เชิงบวกต่อบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีสัดส่วนรายได้มาจากกาแฟ อาทิ CBG (สัดส่วนรายได้ราว 2%), SAPPE และ TACC
แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบแท้จริงโดยรวมอาจไม่มาก เพราะสัดส่วนรายได้กาแฟของแต่ละบริษัทไม่เยอะ และปัจจุบัน Nestle อยู่ระหว่างชี้แจงชั้นศาล โดยระบุว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด ซึ่งต้องติดตามต่อไป