Talk of The Town

เปิดพอร์ตตระกูล “มหากิจศิริ” ผู้ร่วมปั้นแบรนด์ “เนสกาแฟ” พบพอร์ตหุ้นรวมกันกว่า 2.6 พันลบ.


10 เมษายน 2568

เปิดพอร์ตตระกูล มหากิจศิริ_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

ธุรกิจกาแฟถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มูลค่าใหญ่ขนาดหมื่นล้านบาท ซึ่งผู้เล่นในเจ้าตลาดที่ผู้บริโภคอาจจะคุ้นเคยดีก็คือ แบรนด์ Nescafé (เนสกาแฟ)  ที่มีมูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาทในประเทศไทย โดยมี 2 ทุนยักษ์ระหว่างเนสท์เล่และตระกูลมหากิจศิริ ก่อตั้งบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) เป็นผู้ผลิตขึ้นมาในไทย

ภายใต้ความสัมพันธ์อันยาวกว่า 30 ปี ก็เป็นอันต้องจบลง หลังเกิดข้อพิพาทกันระหว่าง 2 ทุน จนล่าสุดศาลแพ่งมีนบุรีสั่งห้ามเนสท์เล่ผลิตและจำหน่ายเนสกาแฟในไทย อย่างไรก็ดีนอกจากอาณาจักรกาแฟตระกูลมหากิจศิริจะมีการลงทุนในอะไรบ้างนั้น เราจะพาไปดูพอร์ตการลงทุนของแต่ละคนกัน

เริ่มที่ นาย เฉลิมชัย มหากิจศิริ  ที่นั่งได้เก้าอี้กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ซึ่งพอร์ตการลงทุนก็มีหุ้นถึง 10 บริษัท ประกอบไปด้วย  TTA จำนวน 123,975,642 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 428 ล้านบาท

AE จำนวน 29,000,000 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 14 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 2.6 ล้านบาท 

ANI จำนวน 4,700,000 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 18 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 11.8 ล้านบาท

III จำนวน 37,692,899 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 177 ล้านบาท

MILL จำนวน 53,393,164 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 67 คิดเป็นมูลค่า 4.2 ล้านบาท 

PMTA จำนวน 9,070,894 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 14 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 68.9 ล้านบาท 

PSTC จำนวน 37,845,000 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 13 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 16.2 ล้านบาท 

STELLA จำนวน 78,047,400 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 13 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 15.6 ล้านบาท

SUC จำนวน 14,949,600 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 3 เม.ย. 68 คิดเป็นมูลค่า 411 ล้านบาท

TFI จำนวน 6,004,203,834 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 11 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท 

ต่อมานายประยุทธ มหากิจศิริ ได้ถือครองหุ้นทั้งหมด 3 บริษัท ประกอบไปด้วย TTA จำนวน 87,531,758 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 302 ล้านบาท, TOPP จำนวน 150,500 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 13 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 22.7 ล้านบาท และ UMS จำนวน 6,558,900 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 1.7 ล้านบาท

นางสุวิมล มหากิจศิริ ได้ถือครองหุ้นทั้ง 3 บริษัทเช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย PMTA จำนวน 563,321 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่  14 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 4.2 ล้านบาท, TFI จำนวน 118,508,817 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 11 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 5.9 ล้านบาท และ TTA จำนวน 42,325,623 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า  146 ล้านบาท

สุดท้าย นางสาวอุษณา มหากิจศิริ ก็ได้ถือครองหุ้นทั้งหมด 3 บริษัท ประกอบไปด้วย PMTA จำนวน 1,432,231 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 14 มี.ค. 68 คิดมูลค่า 10.8 ล้านบาท, TFI จำนวน 7,390,296,061 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 11 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า  369 ล้านบาท และ TTA จำนวน 99,866,937 หุ้น ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 มี.ค. 68 คิดเป็นมูลค่า 345 ล้านบาท 

ทั้งนี้ จากข้อมูลการถือครองหุ้นในพอร์ตการลงทุนทั้ง 4 คนในตระกูลมหากิจศิริ ซึ่งมูลค่าพอร์ตรวมกันอยู่ที่ 2,646 ล้านบาท