สัปดาห์นี้! 3 หุ้นแบงก์ประกาศงบ โบรกฯ คาด TISCO กำไรดิ่ง ส่วน TTB-KTB ฟอร์มแกร่ง

3 หุ้นธนาคารเตรียมประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2568 ภายในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัดคาดการณ์ว่า วันที่ 17 เม.ย.2568 TISCO เจ้าแรกเตรียมประกาศงบ ตามด้วยวันที่ 18 เม.ย.2568 คือ TTB และ KTB

โดย TISCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 TISCO จะมีกำไร 1,600 ล้านบาท ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน และลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดสินเชื่อจะทรงตัวจากไตรมาสก่อน แม้ว่าจะมีงาน Motor Show แต่คาดว่ายอดสินเชื่อจะเข้าในช่วงไตรมาส 2/68 มากกว่า

ขณะที่คาดว่าธนาคารจะยังปล่อยสินเชื่อในเชิงระมัดระวัง ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัวจากไตรมาสก่อน ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย คาดว่าจะอ่อนตัวเล็กน้อยราว 1%จากไตรมาสก่อน หลังรายได้ค่าธรรมเนียมอ่อนตัวลงตามฤดูกาล ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยราว 3%จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาลเช่นกัน

สำหรับปัจจัยกดดันหลักในไตรมาสนี้คาดว่จะมาจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 45% จากไตรมาสก่อน โดยคาด Credit Cost อยู่ที่ 80 bps เพิ่มขึ้นจาก 55 pbs ในไตรมาส 4/67 ทั้งนี้เนื่องจากสัดส่วนสินเชื่อ ในกลุ่ม High Yield เพิ่มสูงขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์ที่ถูกกดดันจากปัจจัยเศรษฐกิจ บวกกับสำรองส่วนเกินที่ค่อยๆ ลดลง จากการใช้สำรองส่วนเกินในช่วงปีก่อนหน้า โดยยังแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้ าหมายปี 2568 ที่ 104 บาท มีจุดเด่นที่ปันผลคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 7.75 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ TTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงแนะนำ “ซื้อ” TTB และราคาเป้าหมายที่ 2.22 บาท โดยประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ที่ 5.4 พันล้านบาท เติบโต 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 5% จากไตรมาสก่อน จากการตั้งสำรองฯที่ลดลง ขณะที่มี NIM ที่อยู่ที่ 3.27% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ตามสินเชื่อที่คาดว่าจะลดลง  จากสินเชื่อรายย่อยและ SME แต่ยังมีสินเชื่อรถแลกเงินและบ้านแลกเงินยังเพิ่มขึ้นได้อยู่

และ KTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 26.25 บาท โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 1/2568 จะอยู่ที่ 1.14 หมื่นล้านบาท เติบโต 9% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน เพราะกำไร FVTPL จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจะเกินพอที่จะชดเชย NII ที่ลดลง และ credit cost ที่เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และ credit cost ที่ลดลง