รายงานพิเศษ : SM ใช้กลยุทธ์เด็ด เดินหน้าขยายสาขา-จับมือพันธมิตร หวังสร้างรายได้ปี 68 ทำจุดออลไทม์ไฮ
แนวทางหนึ่งในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ ได้แก่ การขยายสาขา ซึ่งจะสร้างการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและรายได้ให้แข็งแกร่ง และสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) ในปีนี้ ที่ตั้งเป้าเพิ่มรายได้โตกว่า10-15%
การขยายสาขาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มกำไรที่ต่อยอดความสำเร็จจากธุรกิจเดิม นับเป็นก้าวที่สำคัญนำสู่การเติบโตที่ยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมโยงใหม่ๆ ในตลาด และเพิ่มมูลค่าของธุรกิจโดยรวม
ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์การทำตลาดของ บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน รายใหญ่ในภาคตะวันออกของไทย
“ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” กรรมการผู้จัดการ SM ระบุปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% ออลไทม์ไฮต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์เน้นเดินหน้าขยายฐานลูกค้าผ่านการขยายสาขา และคู่ค้าพันธมิตร พร้อมเพิ่มสินค้าใหม่สร้างความหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพทางด้านการแข่งขัน
ซึ่งบริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนสาขาที่ให้บริการทั้งการขายสินค้าและให้บริการทางการเงินเป็น 91 สาขา และเน้นสาขาที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีและมีศักยภาพในการเติบโต
ส่วนช่องทาง Platform online ต่างๆ ที่อยู่ระหว่างช่วงของการวางระบบและแผนงาน คาดจะสามารถให้บริการได้ในไตรมาส 3/68
ทั้งนี้ปัจจุบัน สตาร์ มันนี่ มีสาขารวมทั้งสิ้น 98 สาขา แบ่งเป็น สาขาหลักให้บริการทั้งจำหน่ายสินค้า ประเภทขายสดและขายผ่อนชำระ โดยมีคลังสินค้าประจำสาขา รวมถึงให้บริการปล่อยสินเชื่อ 16 สาขา, สาขาย่อยให้บริการประเภทขายสดและขายผ่อนชำระ รวมถึงให้บริการปล่อยสินเชื่อ 71 สาขา และ สาขา Express ให้บริการเหมือนสาขาหลัก แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า 8 สาขา
ขณะเดียวกัน บริษัทวางแนวทางขยายการบริการผ่านสาขาคู่ค้าหรือพันธมิตร ทั้งคู่ค้าทางด้าน Green Energy, ด้านจำหน่ายตู้แช่เชิงพาณิชย์, ด้านจำหน่ายเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญครบวงจร และเดินหน้าหาพันธมิตรใหม่ทางธุรกิจ อีกทั้งจะเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในยุค EV หรือ Energy Saving เช่น สินค้า Solar Rooftop และ รถจักรยานไฟฟ้า EV เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้มีการวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพทางด้านการแข่งขัน อย่างการใช้เครื่องมือ Machine Learning เพื่อช่วยในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อ และช่วยในการบริหารหนี้ รวมถึงช่วยเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่วน Data Analytics จะเน้นนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อสร้างสิทธิประโยชน์เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า