Talk of The Town

บล.บัวหลวง แนะ “ขาย” TISCO ชี้ชอบ BBL และ KTB มากกว่า แถมมอง Q2/68 กำไรจะลดลง


18 เมษายน 2568

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า กำไรสุทธิสำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 1,643.38 ล้านบาท ลดลง 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสาเหตุมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง ผลจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

บล.บัวหลวง แนะ_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

และการลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ประกอบกับสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.7% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เพื่อรองรับการเติบโตของสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 3.4% จากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ 10.3% รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 3.3% จากการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของ บล.ทิสโก้ และกำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้รับผลกระทบจากตลาดรถยนต์ในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าประกันภัยยังไม่ฟื้นตัว ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 0.9% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

ความเห็นเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า TISCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1.6 พันล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด กำไรจากการดาเนินงานที่ไม่รวมสำรองหนี้เสียอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 คิดเป็น 26% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 6.4 พันล้านบาท

โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 ประมาณการกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและอัตราการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อน เนื่องจากอัตราการตั้งสำรองหนี้ฯ สูงขึ้น

ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ ขาย โดย PER ปี 2568 ของ TISCO อยู่ที่ 12.5 เท่า ส่วน PBV ณ สิ้นปี 2568 อยู่ที่ 1.8 เท่า และ ROE ปี 2568 อยู่ที่ 14.8% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน PBV/ROE ที่ 0.124 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ให้คำแนะนำที่ 0.087 เท่าอยู่มาก ซึ่งหุ้นในกล่มุ ธนาคาร ชอบ BBL และ KTB มากกว่า