Talk of The Town

สรุปงบ 2 แบงก์ประกาศวันนี้ KBANK กำไร 1.3 หมื่นลบ. เติบโต 1.08% KKP สาหัส! เหลือ 1 พันลบ. ดิ่ง 29.5%


21 เมษายน 2568

KBANK ประกาศงบไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 13,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.08% ลุยบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แบกตั้งสำรอง 9,818 ล้านบาท ฟาก KKP กำไรเหลือ 1,062 ล้านบาท ดิ่ง 29.5% หลังลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับลดลง 15.4% จากการชะลอตัวของสินเชื่อตามมาตรการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร และการลดลงของอัตราดอกเบี้ยตามการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

สรุปงบ 2 แบงก์ประกาศวันนี้_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK รายงานว่า ผลปรกอบการไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 13,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.08% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 35,425 ล้านบาท ลดลง 7.23% เป็นผลจากการเผชิญแรงกดดันของภาวะอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดอย่างระมัดระวัง

ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ 3.41% แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต 15.39% จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รายได้จากการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ

อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานสุทธิลดลง 1.87% โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ 40.84%

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงยึดหลักความระมัดระวังอย่างรอบคอบตามที่ได้ปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ จึงพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 9,818 ล้านบาท เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอ รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน และเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนสูง

ขณะที่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP รายงานไตรมาส 1/2568 ธนาคารเกียรตินาคินภัทรและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,062 ล้านบาท ปรับลดลง 29.5% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 โดยหลักจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับลดลง 15.4% จากการชะลอตัวของสินเชื่อตามมาตรการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อไปในประเภทที่มีคุณภาพสูง และจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยตามการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทางด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ยังสามารถทำได้ในระดับที่ดี โดยปรับเพิ่มขึ้น 16.4% โดยหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจการจัดการกองทุน ที่มีรายได้ปรับเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การให้คำแนะนำการลงทุนและสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567

ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนปรับลดลงตามภาวะตลาด ส่งผลให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยรวมแล้วปรับตัวลดลง 4.6%

ทางด้านผลขาดทุนจากการขายรถยึดปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องโดยปรับตัวลดลง 51.9% จากไตรมาส 1/2567 ธนาคารยังคงความระมัดระวังในการพิจารณาตั้งสำรอง โดยผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับไตรมาส 1/2568 มีจำนวน 1,104 ล้านบาท

สำหรับอัตราส่วนสารองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 131% ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม อยู่ที่  4.4%