ทีเอ็มบีธนชาต รายงานไตรมาส1/68 มีกำไรสุทธิ 5,096 ล้านบาท ผลจากบริหารต้นทุน และคุณภาพสินทรัพย์งเป็นไปตามเป้าหมาย หนี้เสียอยู่ในระดับต่ำที่ 2.75% เป็นผลจากการเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ รวมถึงการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและสนับสนุนการแก้หนี้อย่างยั่งยืนผ่านโครงการคุณสู้ เราช่วย
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 โดยธนาคารและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิที่ 5,096 ล้านบาทในไตรมาสแรก หนุนโดยการบริหารจัดการด้านต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงบริหารจัดการได้ตามเป้าหมาย อัตราส่วนหนี้เสียอยู่ในเกณฑ์ควบคุมที่ 2.75% ขณะที่อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพทรงตัวในระดับสูงที่ 150%
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2568 ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ และมุ่งดำเนินการใน 3 เรื่องหลัก ในประการแรก คือ การรักษาแนวโน้มผลประกอบการในปี 2568 ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ถัดมา คือ การดูแลลูกค้าและสนับสนุนการแก้หนี้อย่างยั่งยืน และท้ายสุด คือ การดำเนินการตามแผนบริหารจัดการส่วนทุนเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ เพื่อรักษาแนวโน้มของผลประกอบการในปี 2568 ธนาคารยังคงเน้นย้ำการบริหารจัดการด้านต้นทุน ทั้งต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนการดำเนินงาน และต้นทุนความเสี่ยงหรือค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการต่อยอดศักยภาพด้านดิจิทัลและ Data Analytics เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้า ไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ภายใต้แนวคิด Ecosystem Play และกระตุ้นรายได้ค่าธรรมเนียมที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับการให้สินเชื่อ เพื่อช่วยลดผลกระทบด้านรายได้ ซึ่งยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะดอกเบี้ยขาลงและภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตสินเชื่อ ส่งผลให้ธนาคารยังคงสามารถรักษาแนวโน้มของผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จากระดับ 4,992 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2567 มาอยู่ที่ 5,096 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2568 หนุนโดยค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ที่ลดลง 7% และ 2% จากไตรมาสที่แล้ว ตามลำดับ
ในด้านการดูแลลูกค้า ธนาคารยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าและสนับสนุนการแก้หนี้อย่างยั่งยืนผ่านหลากหลายโครงการ เช่น โครงการรวบหนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นจาก 17,000 ราย ในปี 2566 มาสู่ 37,470 ราย ในปี 2567 และกว่า 47,000 ราย ในปัจจุบัน หรือเทียบเท่าว่าธนาคารสามารถช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ยไปได้มากกว่า 2,300 ล้านบาท และล่าสุดกับโครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งมีลูกค้ารายย่อยและลูกค้า SME เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 35,000 ราย
ในประการท้ายสุด คือ การดำเนินการตามแผนการบริหารส่วนทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้ ในเดือนมกราคม 2568 ธนาคารได้ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนระยะ 3 ปี ภายใต้วงเงิน 21,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้เงินทุนส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผลักดันการบรรลุเป้าหมาย ROE ที่ 10% แล้ว ยังคาดว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนในตลาดทุนที่มีต่อมูลค่าของผู้ถือหุ้นได้เช่นกัน ในส่วนของการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ธนชาตก็มีความคืบหน้าตามแผนที่ได้วางไว้
สำหรับช่วงที่เหลือของปี ธนาคารคาดว่าความขัดแย้งในเวทีการค้าโลกอาจส่งผลกระทบและสร้างความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นต่อภาคการส่งออกและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ดังนั้น จึงจะยังคงเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าพอร์ตสินทรัพย์และสถานะทางการเงินยังคงมีความแข็งแกร่ง สามารถรักษาแนวโน้มของผลประกอบการและอัตราการจ่ายเงินปันผลให้อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ จะยังคงดำเนินการตามแผนการเปลี่ยนแปลงองค์กร (Transformation) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายระยะยาวในการเป็น Humanized Digital Banking หรือ ดิจิทัลแบงก์กิ้งที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ เป็นประโยชน์กับลูกค้า ในประการสำคัญ ธนาคารยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) รวมทั้งการแก้หนี้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น
ยอดนิยม

ราคาทองคำวันนี้ 24 เม.ย. 68 เปิดตลาดปรับขึ้น 600 บาท รูปพรรณขายออก 54,100 บาท

ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดใช้ Auto Pause รายหลักทรัพย์ 6 พ.ค. นี้ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์

ผู้ถือหุ้น SKR ไฟเขียวจ่ายปันผลปี 67 เพิ่ม 0.11 บาท/หุ้น รวมทั้งปี 0.20 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 16 พ.ค.นี้

BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 – 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ “สถาบัน-รายใหญ่” วันที่ 9 – 14 พ.ค. นี้
