Talk of The Town

IMF หั่น GDP ไทยโตต่ำสุดในอาเซียน โบรกฯ ชี้ หากไตรมาส 2 "จีดีพี" ติดลบ ฉุดผลตอบแทน SET Index ดิ่ง 8%


23 เมษายน 2568

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุด ระบุถึงการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก เนื่องจากความเสี่ยงในด้านลบทวีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่ผู้กําหนดนโยบายต่างๆจําเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตกับเงินเฟ้อ และกระตุ้นการเติบโตในระยะกลาง ซึ่งจะช่วยลดความไม่สมดุลทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศได้โดยในรอบนี้ IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าลงเหลือ 2.8% และ 3.0% จากเดิมที่ 3.3% และ 3.3% ตามลําดับ

IMF หั่น GDP ไทยโตต่ำสุดในอาเซียน_S2T (เว็บ)_0.jpg

โดยในส่วนของประเทศมหาอํานาจถูกปรับลดคาดการณ์การเติบโตทั้งหมด โดยเฉพาะพี่ใหญ่อย่างสหรัฐฯที่ในรอบนี้ IMF ลดคาดการณ์ GDP growth ปีนี้และปีหน้าลงอย่างสําคัญเหลือ 1.8% และ 1.7% จากครั้งก่อนหน้าที่ 2.7% และ 2.1% ตามลําดับ ส่วนพี่ใหญ่ในเอเชียอย่างจีนถูกปรับลดในอัตราที่น้อยกว่า โดยมองการเติบโตปีนี้และปีหน้าที่ 4.0% และ 4.0% ลดลงจากเดิมที่ 4.6% และ 4.5% ตามลําดับ

สําหรับภูมิภาคเอเชียนั้น IMF ลดคาดการณ์ GDP growth สำหรับกลุ่มประเทศเกิดใหม่และประเทศกําลังพัฒนาในปีนี้และปีหน้าเหลือ 4.5% และ 4.6% จากเดิมที่ 5.1% และ 5.1% ตามลําดับ ส่วนในกลุ่ม ASEAN-5 ซึ่งประกอบไปด้วย ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ IMF ลดคาดการณ์เติบโตลงเหลือ 4.0% และ 3.9% จากเดิมที่ 4.6% และ 4.5% ตามลําดับ

อย่างไรก็ตาม หากลงลึกลงรายประเทศของกลุ่ม ASEAN พบว่าไทย ถูก IMF ปรับลดประมาณการลงมากสุดในรอบนี้ โดยมีการลดลงของคาดการณ์จากครั้งก่อนถึง 1.1% จากฐานเดิมที่อยู่ในระดับต่ำมากอยู่แล้วเพียง 2.9% โดยระดับ GDP growth ของไทยปีนี้ที่ IMF ประเมินเพียง 1.8% โดยถือว่าต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่เอเชียและหากไปเทียบกับประเทศกําลังพัฒนาอื่นๆในเอเชียด้วยกัน ไทยถือเป็นอันดับ 3 ที่ IMF ประเมินว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ต่ำที่สุดอีกด้วย

ดังนั้น มีมุมมองเชิงลบต่อรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจที่ IMF เผยแพร่ออกมา ซึ่งเชื่อว่าหน่วยงานต่างๆในประเทศจะมีการทยอยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยและประมาณการกําไรของบจ.อย่างต่อเนื่องในช่วงถัดไป รวมถึงธปท.ที จะมีการเผยแพร่ประมาณการครั้งใหม่ในวันที 30 เม.ย.นี้ ซึ่งหากการประชุมกนง.วันดังกล่าวไม่ได้ มีการลดดอกเบี้ยนโยบายตามที่ ตลาดคาดหวังไว้มี โอกาสเกิดความผิดหวังในส่วนของตลาดทุนไทยได้สูงในมุมมองของเรา

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ให้มุมมองว่าวานนี้ IMF เผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยได้ปรับลดประมาณการ GDP GROWTH ลงมาในหลายประเทศทั่วโลก จากผลกระทบนโยบายปรับขึ้นภาษำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยพุ่งขึ้นสู่ระดับ 22.8% (ก่อนขึ้นภาษีรอบใหม่อยู่ในระดับเฉลี่ยราว 2.3%)

โดยของทั่วโลกคาดเศรษฐกิจขยายตัว 2.8% ในปี 2568 (เดิมคาด 3.3%) และ 3.0% ในปี 2569 (เดิมคาด 3.3%), สหรัฐฯ คาดเศรษฐกิจขยายตัว1.8% ในปี 2568 (เดิมคาด 2.7%) และ1.7% ในปี 2569 (เดิมคาด 2.1%),จีน คาดเศรษฐกิจขยายตัว 4.0% ในปี 2568 (เดิมคาด 4.6%) และ4.0% ในปี 2569 (เดิมคาด 4.5%) และไทย คาดเศรษฐกิจขยายตัวเพียง 1.8% ในปี 2568 (เดิมคาด 2.9%) และ 1.6% ในปี 2569 ซึ่งถูกหั่นลงต่ำสุดในอาเซียน

ทั้งนี้ ประเมินกรณีผลตอบแทน SET ช่วงที่ GDP GROWTH ของไทยติดลบต่อกัน 2 ไตรมาส (TECHNICAL RECESSION) หรือเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ที่เกิดขึ้น 4 ครั้งล่าสุด พบว่าช่วงไตรมาสแรกที่ GDP ติดลบ จะกดดันผลตอบแทน SET INDEX เฉลี่ย -5%, ช่วงไตรมาส 2 ที่ GDP ติดลบ จะกดดันผลตอบแทน SET INDEX เฉลี่ย -8% และช่วงที่เกิด TECHNICAL RECESSION หลังจากนั้น 1.5 เดือน ผลตอบแทน SET INDEX จะปรับตัวสูงขึ้นราว +0.4%

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากร ก่อนที่จะครบกำหนดวันเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในวันที่ 9 ก.ค. 2568 เชื่อว่าจะทำให้สงครามการค้ารุนแรงน้อยลง และผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอาจเบากว่าตลาดการณ์ ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นดีดตัวได้

IMF