IRPC มีแรงกดดัน! โบรกฯ คาดไตรมาส 1 ขาดทุนทะลุ 1 พันลบ. แถม Q2 หนักกว่า แนะนำ “ขาย”
โบรกฯ คาด IRPC ไตรมาส 1/2568 จะขาดทุนสุทธิ 1,179 ล้านบาท หลังค่าการกลั่นดิ่ง แถมปิโตรเคมี ยังเผชิญโอเวอร์ซัพพลาย ชี้ไตรมาส 2/68 แนวโน้มขาดทุนหนักขึ้นจาก stock loss ก้อนใหญ่ แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 0.95 บาท จากแรงกดดันมากกว่ากลุ่มปิโตรเคมีด้วยกันในสภาวะที่ตลาดแข่งขันสูง
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองต่อผลประกอบการ IRPC คาดจะขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1/68 ราว 1,179 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกัน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,545 ล้านบาท และไตรมาสก่อนขาดทุนอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท หากตัดรายการพิเศษ fx gain 87 ล้านบาท จะขาดทุนปกติอยู่ที่ 1,266 ล้านบาท
โดยแย่ลงทั้งช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งโดนฉุดจากฝั่งโรงกลั่นที่ ค่าการกลั่น 3.8 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 43% จากช่วงเดียวกัน และลดลง 39% จากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยซัพพลายตึงตัวน้อยลง และกำไรจากสต๊อก 619 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกำไรจากสต๊อก 2,463 ล้านบาท และ ขาดทุนจากสต๊อก 46 ล้านบาท ในไตรมาส 4/67
ทั้งนี้ ฝั่งปิโตรเคมีอัตรากำไรเพียงทรงตัว ยังเผชิญโอเวอร์ซัพพลายและการขายได้พรีเมี่ยมลดลง ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์หลักอย่าง PP 385 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกัน,และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน และ ABS เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกัน, ลดลง 4% จากไตรมาส ที่ฟื้นตัวจากการรีสต๊อกของจีนไม่พอชดเชย
สำหรับไตรมาส 2/68 แนวโน้มขาดทุนหนักขึ้นจาก stock loss ก้อนใหญ่ หากขาดทุนปกติไตรมาส 1/68 เป็นไปตามคาดจะคิดเป็นราว 40% ของประมาณการขาดทุนทั้งปี ประมาณการของเรามีดาวน์ไซด์คาดไตรมาส 2/68 มีแนวโน้มขาดทุนมากขึ้น ทั้งช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า
โดยเป็นผลจาก stock loss ก้อนใหญ่ที่กลบการฟื้นตัวของอัตรากำไรปิโตรเคมีที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ฟื้นตัว จากราคา feedstock ที่ลดลงเร็ว และซัพพลายตึงตัวมากขึ้นหลังโรงผลิตบางส่วนใน EU และเอเชียมีลด run รวมถึงการเลื่อน COD ของโรงผลิตบางส่วนในจีน
สำหรับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ส่วนต่างราคาจากต้นไตรมาส 2/68 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 427 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกัน,เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อน / PP อยู่ที่ 436 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกัน, เพิ่มขึ้น13% จากไตรมาสก่อน และABS 763 ดอลลาร์ต่อตัน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการ แต่ยังคงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 0.95 บาท จากแรงกดดันมากกว่ากลุ่มปิโตรเคมีด้วยกันในสภาวะที่ตลาดแข่งขันสูง จากค่าใช้จ่ายคงที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามภาระเงินกู้และต้องลด run จาก ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์บางส่วนไม่คุ้มผลิต เทียบกับกลุ่มที่ optimize asset ลดค่าใช้จ่าย และมี EBITDA ธุรกิจปิโตรเคมีเป็นบวก
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดไตรมาส 1/68 จะขาดทุนสุทธิที่ 1.1 พันล้านบาทประคองตัวจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ หากนับเฉพาะผลการดำเนินงานปกติจะขาดทุน 1.7 พันล้านบาท อ่อนแอลงไตรมาสก่อน จากอัตรากำไรธุรกิจปิโตรเลียม ทั้ง Crack Spread, Margin ยางมะตอย, ต้นทุนน้ำมันสูงขึ้น , การหยุดซ่อมหน่วย RDCC
ขณะที่เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ผลประกอบการอ่อนแอลงโดยพลิกจากกำไรเป็นขาดทุน ซึ่งโดนกดดันจากทั้งค่าการกลั่นและกำไรสต็อกน้ำมันลดลง
สำหรับ แนวโน้มไตรมาส 2/68 ยังไม่เด่น จากทั้งสเปรดน้ำมันสำเร็จรูป, อะโรมาติกส์,คาบเกี่ยวช่วงหยุดซ่อมRDCC อีกทั้งมีความเสี่ยงจากขาดทุนสต็อกน้ำมัน ดังนั้น ปรับลดประมาณการปี 2568 – 2569 ลงเป็น ขาดทุน 3.9 พันล้านบาท และ ขาดทุน 474 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ ปรับราคาเหมาะสมเป็น 1 บาท คงคำแนะนำ “เก็งกำไร” อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์มองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เพราะหุ้นยังไม่มีปัจจัย หนุนราคาหุ้นในระยะสั้น โดยงบครึ่งปีแรกปี 68 ยังท้าทาย, ผลตอบแทนจากเงินปันผลไม่น่าจูงใจ และ อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังท้าทายจากปัญหาอุปทานล้นตลาด และความไม่แน่นนอนของเศรษฐกิจโลก
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
JKN เรียกประชุมบอร์ดด่วน หลัง แอน จักรพงษ์ ถูก ก.ล.ต. ฟันปมให้ข้อมูลเท็จ ลั่นไม่ส่งผลต่อแผนฟื้นฟูกิจการ
_0.jpg)
IMF หั่น GDP ไทยโตต่ำสุดในอาเซียน โบรกฯ ชี้ หากไตรมาส 2 "จีดีพี" ติดลบ ฉุดผลตอบแทน SET Index ดิ่ง 8%
%20copy_0.jpg)
ทองร่วงแรง! 850 บาท เจอแรงขายทำกำไร พักตัวช่วงสั้น จ่อทะยานต่อ
_0.jpg)
โบรกฯ สรุปกำไรแบงก์ Q1/68 แตะ 6.83 หมื่นลบ.เพิ่มขึ้น 7% ดีกว่าคาด หวั่นไตรมาส 2/68 อ่อนแอ
_0.jpg)