Talk of The Town

กลุ่ม “ซีพี” นำทัพได้ประโยชน์ หลังรัฐบาลเตรียมอัดเงิน 5 แสนลบ. หวังกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่


24 เมษายน 2568

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่คาดใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 5.0 แสนล้านบาท โบรกฯ ชี้ เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มค้าปลีกจากเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบมากขึ้น แนะนำ ซื้อ CPALL-CPAXT-BJC

กลุ่ม “ซีพี” นำทัพได้ประโยชน์_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเด็น รมว. คลังเปิดเผยว่าจากความเสี่ยงรอบด้านที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจไทยมากขึ้น จนหลายสำนักเศรษฐกิจทยอยปรับลดประมาณการ GDP ไทยปี 2568 ลง ซึ่งได้เตรียมแผน และมาตรการเข้ามาดูแลกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนที่จะลดลงไปอยู่แล้ว เพื่อรักษาจีดีพีให้เติบโตได้ในระดับเดิม โดยลักษณะโครงการจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้เกิดแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าน่าจะต้องใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญไปที่เรื่องการกระตุ้นการบริโภค รวมถึงการลงทุนในประเทศ ตลอดจนการจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน)

ดังนั้นแนวทางดังกล่าวประเมินบวกต่อหุ้นในกลุ่ม กลุ่มอิงบริโภคภายใน (CPALL, BJC, HMPRO) กลุ่มได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐฯ (STECON, PYLON, TASCO, BA) กลุ่มเดินหน้า New S Curve ของรัฐฯ อาทิ Technology (GULF, GPSC, DELTA, INSET) และ กลุ่ม Valuation Deep Discount (SCGP, MINT, BDMS, BH, BBL, KBANK, AOT)

ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มองว่า ประเด็นรัฐบาลเตรียมออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจรับมือ TRADE WAR 2.0 ซึ่งมองว่าน่าจะใช้เม็ดเงินไม่ต่ำ กว่า 500,000 ล้านบาท โดยจะโฟกัสเม็ดเงิน 3 ส่วน คือ 1.การกระตุ้นการบริโภค 2.การลงทุนในประเทศ 3.การออก ซอฟต์โลน เพื่อให้มูลค่า GDP ไม่ชะลอตัวลงมากเกินไป

โดยหากรัฐบาลเลือกกู้เงินเพิ่มอีก 5 แสนล้านบาท จะกระทบหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่ม 3% มาอยู่ที่ 67.21% ซึ่งระยะถัดไปมีโอกาสสูงที่จะเกิดการขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 75-80% ซึ่งทางรัฐบาลมองว่าไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศมากนัก(CREDIT RATING) และกังวลการชะลอ ตัวของเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 มากกว่า

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่คาดใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 5.0 แสนล้านบาท โดยจะโฟกัส 3 ส่วน คือ 1.การกระตุ้นการบริโภค 2.การลงทุนในประเทศ และ 3.การออกซอฟต์โลน

โดยนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคการบริโภค ประเมินเป็น Sentiment เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มค้าปลีกจากเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบมากขึ้น หนุนให้ยอดขายสาขาเดิมหรือ SSSG ยังเป็นบวกได้ในปี 2568

ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2568 คาดลดลงจากไตรมาสก่อน หลังพ้นช่วง High Season ของภาคการบริโภค แต่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแนวโน้ม SSSG ที่จะเติบโตของกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะ CPALL และ CPAXT ที่นอกเหนือจากการเติบโตของยอดขายแล้ว การปรับขึ้นของ GPM ช่วยหนุนให้กำไรยังเติบโตดีจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดังนั้นคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มค้าปลีก “มากกว่าตลาด” ในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวน ผู้บริโภคยังระมัดระวังกับการใช้จ่าย กลยุทธ์การลงทุนเน้นไปที่กลุ่มของผู้ประกอบการค้าปลีกอุปโภคบริโภค ซึ่งคาดจะได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ตามข่าวด้วยเช่นกัน แนะนำซื้อ CPALL (ราคาเป้าหมาย 65 บาท), CPAXT (ราคาเป้าหมาย32 บาท) และ BJC (ราคาเป้าหมาย 30 บาท)