กำลังจะเข้าสู่ช่วงประกอบผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบริษัทจดทะเบียนกันแล้ว อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าลงทุนถามเข้ามาบ่อยๆ คือ หุ้นเจ้าของค่ายมือถืออย่าง ADVANC และ TRUE
หากถอดมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า วันที่ 6 พ.ค.คาดว่า ADVANC จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 9.6 พันล้านบาท เติบโต 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 4% จากไตรมาสก่อน และกำไรหลักที่ 9.6 พันล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 4% จากไตรมาสก่อน (ไม่รวม Fx) คิดเป็น 26% ของกำไรหลักปี 2568
โดยที่กำไรเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดหนุนจากการเติบโตของรายได้บริการหลักที่ยังคงแข็งแกร่งและประสิทธิภาพลดต้นทุน ส่วนกำไรดีขึ้นจากไตรมาสก่อน คาดมาจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง แม้รายได้หลักจะชะลอตัว
ในแง่รายได้จากธุรกิจมือถือคาดจะเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่แผ่วลง 1% จากไตรมาสก่อน โดย blended ARPU สูงขึ้นที่ 229 บาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อน แม้จำนวนผู้ใช้บริการมือ ถือสุทธิลดลงที่ 516,000 ราย
ส่วนรายได้อินเตอร์เน็ต คาดจะเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 2% จากไตรมาสก่อน จาก ARPU สูงขึ้นที่ 512 บาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน และลูกค้าเพิ่มสุทธิ 60,000 ราย
ดังนั้นแนะนำ “ถือ” ประเมินราคาเป้าหมายที่ 290 บาท แม้ว่า ADVANC จะเทรดที่ premium กว่า global peers (Figure 3) แต่ ROE ที่สูงกว่าทำให้ valuation ยังสมเหตุสมผล โดยราคาหุ้นยังมี upside หากการจ่ายเงินปันผลและผลการดำเนินงานแข็งแกร่งกว่าคาด
ทั้งนี้ความไม่แน่นอนของการประหยัดต้นทุนจากการประมูลคลื่นความถี่และตลาดมองโลกในแง่ดีเกินไปต่อการแข่งขันประมูลคลื่นยังคงเป็นความเสี่ยงหลักๆ ราคาหุ้น ADVANC ที่ฟื้นตัวล่าสุดน่าจะสะท้อนถึงความเป็นหุ้น defensive ในตลาดที่หาหุ้นลงทุนได้ยากมากกว่าเรื่อง re-rating จากปัจจัยพื้นฐาน
ขณะที่ TRUE วันที่ 9 พ.ค. TRUE น่าจะรายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 415 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุนสุทธิ 7.5 พันล้านบาทในไตรมาส 4/67 และ 769 ล้านบาทในไตรมาส 1/67
โดยดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้รวม, การรับรู้มูลค่าของ synergy และต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง
แต่กำไรหลักน่าจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องที่ 3.57 พันล้านบาท เติบโต 6% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 364% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 16% ของกำไรปี 2568
สำหรับกำไรหลักพุ่งขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จะเกิดจาก synergy ด้านต้นทุน, ต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง และรายได้รวมเติบโตดี ส่วนกำไรที่เพิ่มจากไตรมาสก่อน จะมาจากต้นทุนการดำเนินงานการลดลง (SG&A และต้นทุนดอกเบี้ย) แม้รายได้หลักจะชะลอตามฤดูกาล
ขณะที่ คาดว่ารายได้บริการมือถือจะแผ่วลง 0.9% จากไตรมาสก่อน และลดลง 0.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก blended ARPU ลดลงที่ 213 บาท เติบโต 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.9% จากไตรมาสก่อน ทั้ง ๆ ที่ จำนวนผู้ใช้บริการจะเพิ่มขึ้น 72,000 ราย (นำโดย prepaid) ส่วนรายได้ธุรกิจ fixed broadband (FBB) คาดว่าจะขยับขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 1% จากไตรมาสก่อน จาก ARPU เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 524 บาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4%จากไตรมาสก่อน และลูกค้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 25,000 ราย
ดังนั้นปรับลดคำแนะนำ TRUE ลงเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 12.70 บาท จากเดิม 14.00 บาท บนสมมติฐาน CAPEX เพิ่มขึ้นและปรับลดกำไรหลักปี 2569-2570 ลง 2-3% เพื่อสะท้อนจำนวนผู้ใช้บริการมือถือลดลง เราเชื่อว่าผลตอบรับเชิงบวกของตลาดไปมากแล้ว
แม้ว่าคาดว่า TRUE จะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิในครึ่งหลังปี 68 และมีโอกาสกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ หลังจากลดจำนวนเสาสัญญาณใน 2Q68 ลงเพราะปัจจัยดังกล่าวข้างต้นได้รับรู้ไปราคามากแล้ว
ทั้งนี้ นักลงทุนน่าจะให้ความสนใจไปที่การประหยัดต้นทุนที่ยังมีความไม่แน่นอนจากการประมูลคลื่นความถี่ ซึ่งการแข่งขันในการประมูลอาจรุนแรงกว่าที่คาด สวนทางกับตลาดที่มองโลกในแง่ดีเกินไป