ดีเดย์ 2 พ.ค.นี้ TESGX เปิดจองซื้อถึง 37 กอง ก.คลัง หวังเงินไหลเข้า 1.5-2. หมื่นลบ.
TESGX กว่า 37 กอง จ่อให้นักลงทุนจองซื้อ 2 พ.ค. นี้ ส่วนนักลงทุน LTF เดิม เริ่มโยกเงินเข้ากองได้ 13 พ.ค. ด้าน คลังคาดจะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่จากกอง TESGX ไหลเข้าตลาดราว 1.5-2 หมื่นล้านบาท มองสูญรายได้จากการเก็บภาษีราว 4-5 หมื่นล้านบาท
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าภายหลังการทยอยขายหน่วยลงทุนของกองทุน LTF ในช่วงต้นปี 2568 ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย จึงมีการเสนอมาตรการภาษีเพื่อรักษาเสถียรภาพ ยกระดับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) โดยแบ่งเป็น 2 แนวทางสำหรับเงินลงทุนใหม่และเงินลงทุนเดิม คือ
1.การลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX และ 2.การลดหย่อนภาษีสำหรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุน LTF เป็นกองทุน Thai ESGX ซึ่งมาตรการดังกล่าวนี้ จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุน เพิ่มจำนวนนักลงทุนที่ตระหนักถึงความยั่งยืน
รวมถึงเพิ่มสัดส่วนของนักลงทุนสถาบันที่เน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืน ตลอดจนผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปรับธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งคาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามาในกอง TESGX ราว 1.5 – 2 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดีนโยบายและมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านการลงทุนอาจจะไม่เป็นผลดีนัก เนื่องจากถือเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักลงทุน สำหรับคาดการณ์เม็ดเงินที่จะสูญเสียรายได้จากการจัดการภาษีจะอยู่ที่ 4-5 หมื่นล้านบาท แต่เทียบกับสถานการณ์ของตลาดทุนปัจจุบันที่มีความผันผวนสูงก็มองว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือผู้ลงทุนและมีความคุ้มค่า
ด้านนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในปัจจุบันได้ออกหลักเกณฑ์รองรับจัดตั้งและจัดการ TESGX ซึ่งในขณะนี้มี TESGX รวม 37 กองทุน จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 19 แห่ง อยู่ระหว่างพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้ง
โดยเชื่อมั่นว่า TESGX จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และส่งเสริมเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศ พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนลงทุนระยะยาวผ่านตลาดทุน ซึ่งที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้เร่งดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ บลจ. สามารถยื่นขอจัดตั้งและอนุมัติได้ตามช่วงเวลาที่วางไว้
พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และ บลจ. รวมทั้งกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF สามารถตรวจสอบหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดที่ตนเองถือครองอยู่ได้ เนื่องจากตามเงื่อนไขในการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะต้องสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ไป TESGX ให้ครบทุกกองทุน ทุก บลจ.
ขณะที่นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในฐานะตัวแทนบริษัทจัดการลงทุนในประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารและจัดการลงทุนได้มุ่งมั่นทำงานเพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่าการลงทุนของตนจะมีประสิทธิภาพในระยะยาว มีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพตลาดทุนไทย และมีส่วนช่วยผลักดันบริษัทจดทะเบียนไทยให้มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero มีการใส่ใจสังคมและการยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล เพื่อร่วมผลักดันให้ประเทศไทยมีความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
โดยตั้งแต่กองทุน Thai ESG เริ่มจัดตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 2566 นั้น ได้เห็นพัฒนาการที่ดียิ่ง ทั้งในมิติการมีส่วนร่วมลงทุนของคนไทย (252,403 ราย ณ สิ้นปี 2567) มิติของการเติบโตของขนาดกองทุน (AUM 33,066 ล้านบาท ณ 31 มีนาคม 2568) มิติความครอบคลุมของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 440 บริษัท เติบโตจาก 200 กว่าบริษัทในตอนเริ่มจัดตั้งกองทุน
สำหรับ TESGX นั้น บลจ. 19 แห่ง ได้เตรียมพร้อมนำเสนอ 37 กองทุน ซึ่งผู้สนใจสามารถลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 หรือแจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ที่มีอยู่ทั้งหมด ทุกกองทุน ได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568
โดยสามารถลงทุนและสับเปลี่ยนได้ภายในเดือนมิถุนายน 2568 เท่านั้น ทั้ง บลจ. และผู้สนับสนุนการขายที่ได้รับการแต่งตั้งพร้อมแล้วที่จะร่วมมือกันเพื่อสื่อสารประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำผู้ลงทุน โดยอุตสาหกรรมจัดการลงทุนได้ตั้งเป้าหมายในการระดมเงินลงทุนในกองทุน TESGX ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท
สุดท้ายนายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดตั้งและเปิดขายกอง TESG จะช่วยดึงเม็ดเงินใหม่เข้ามายังตลาดทุนไทยทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ตลาดหุ้นเท่านั้น ซึ่งจะผลักดันดัชนีได้มากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน แต่เชื่อว่าจะช่วยลดแรงขายจาก LTF และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความพร้อมในการให้บริการข้อมูล LTF แก่ผู้ลงทุนผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะสามารถดูภาพรวมการถือครองหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดของตนเองจากทุก บลจ. ได้ในที่เดียว ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาตัดสินใจสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF เป็น Thai ESGX เพื่อสิทธิลดหย่อนทางภาษีได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีแผนต่อยอดความร่วมมือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ขยายบริการเรียกดูข้อมูลให้ครอบคลุมกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่น ๆ อาทิ RMF, SSF และ Thai ESG เพื่อความสะดวกแก่ผู้ลงทุนในการตรวจสอบและบริหารจัดการลงทุนมากยิ่งขึ้น
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
DELTA อวด Q1 ดีกว่าคาด โกยกำไร 5,488 ล้านบาท เติบโต 27.4% โบรกฯ ชี้ยังเสี่ยง! แนะนำ “ขาย”
_0.jpg)
ส่องทองสัปดาห์นี้ผันผวนต่อ! ลงมา 51,000 น่าสอย ลุ้น 60,000 บ.
_0.jpg)
เตือนรับมือ! Sell in May คาดปีนี้ยังมี แต่ Downside จำกัด หลังต่างชาติขายหุ้นไทยแล้ว 5.6 หมื่นลบ.
_0.jpg)
บิ๊กแคปแห่ปิดบ.ย่อย ตปท. DELTA-IVL-CPF แบกต้นทุนอ่วม! รับพิษเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน
_0.jpg)