OR แนวโน้มเด่น Q1/68 คาดโกยกำไร 4.2 พันลบ. โต 24% โบรกฯ ชี้ปีนี้ราคาหุ้นฟื้นตัวได้อีก
ผลประกอบการบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR มีแนวโน้มโดดเด่น ล่าสุดนักวิเคราะห์ประเมินไตรมาส 1/68 คาดมีกำไร 4,269 ล้านบาท เติบโต 65% จากไตรมาสก่อน และ 24%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อน หน้าที่ระดับ 2,500-2,600 ล้านบาทมาก แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 15.70 บาท
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 1/68 ที่ 4,269 ล้านบาท เติบโต 65% จากไตรมาสก่อน และ 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อน หน้าที่ระดับ 2,500-2,600 ล้านบาทมาก ตามอัตรากำไรขั้นต้นของการขายเชื้อเพลิงอากาศยานและการ ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีกว่าที่ประเมินไว้เดิม
โดยกำไรปกติสามารถเติบโตได้โดดเด่นจากไตรมาสก่อน แม้คาดปริมาณ ขายน้ำมันรวมลดลงเป็น 6,700 ล้านลิตร ลดลง 5% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล เพราะได้แรงหนุนจาก ค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยที่คาดเพิ่มขึ้นเป็น 0.97 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 17%จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามอัตรากำไรขั้นต้นของการขายเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet Fuel) ที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดลดลงเป็น 5,359 ล้านบาท ลดลง 15%จากไตรมาสก่อน และลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล
ขณะที่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้แม้ค่าการตลาดน้ำมันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมีการควบคุมค่าใช้จ่าย อย่างมuประสิทธิภาพมากขึ้นและต้นทุนทางการเงินที่คาดลดลงตามการปรับลดดอกเบี้ยของกนง. สามารถชดเชยผลกระทบได้
หากกำไรปกติไตรมาส 1/68 ออกมาใกล้เคียงคาด จะคิดเป็นสัดส่วน 43% ของประมาณการเดิม จึงปรับ ประมาณการกำไรปี 2568-69 ขึ้น 11% เป็น 11,049 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อน และ 11,319 ล้านบาท เติบโต2% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้เนื่องจาก 1. การปรับสมมติฐานค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยสำหรับปี 2568-69 เป็น 0.85 บาท/ลิตร (เดิม 0.95 บาท/ลิตร) เพื่อสะท้อนค่าการตลาดที่คาดจะยังทรงตัวอยู่ในกรอบ 0.80-1.00 บาท/ลิตร และ 2. การปรับสมมติฐานค่าใช้จ่าย SG&A สำหรับปี 2568-69 ลงเป็น 23,555 ล้านบาท (เดิม 28,968 ล้านบาท) และ 23,691 ล้านบาท (เดิม 29,191 ล้านบาท) เพื่อสะท้อนความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2-3/68 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 2/68 ที่ระดับ 2,500-2,600 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนตามสัดส่วนการขายเชื้อเพลิงอากาศยานที่ลดลงตามผลของฤดูกาลและการรับรู้ผลจากการบันทึกรายการ Stock loss (มีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลก)
อย่างไรก็ตามคาดกำไรปกติจะยังสามารถเติบโตได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณขายน้ำมันรวมที่ฟื้นตัวตามส่วนแบ่งการตลาดและการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่มีแนวโน้มลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากมองไปช่วงไตรมาส 3/68 คาดกำไรปกติจะสามารถเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำในปีก่อน
ดังนั้น ผลจากการปรับประมาณการขึ้นและการปรับ PER ที่ใช้ประเมินมูลค่าขึ้นเป็น 17.0 เท่า (เดิม 16.6 เท่า) ตามการปรับไปใช้ SET ESG Rating ที่ระดับ AAA (พรีเมียม 4%) ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 15.70 บาท/หุ้น มี Upside 14.6% (หากรวมผลตอบแทนจากเงินปันผลหลังหักภาษีจะส่งผลให้ผลตอบแทนใน ระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ราว 18.0%) ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในปี 2568 ตามส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจสถานีบริการน้ำมันที่ฟื้นตัว คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
THAI ทำตามแผนฟื้นฟูสำเร็จแล้ว หลังปรับโครงสร้าง -ส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก ขอคำสั่งศาลฯ ยกเลิกฟื้นฟูกิจการ
%20copy_0.jpg)
OR แนวโน้มเด่น Q1/68 คาดโกยกำไร 4.2 พันลบ. โต 24% โบรกฯ ชี้ปีนี้ราคาหุ้นฟื้นตัวได้อีก
%20copy_0.jpg)
ITC ราคาดิ่งลึกกว่า 16% โบรกฯ ชี้กำไรไตรมาส 1/68 อ่อนเกินคาด พร้อมสั่ง “ขาย” ราคาเหมาะสม 11.50 บาท
_0.jpg)
เซียนวิเคราะห์ราคาทอง! หากหลุด 3,300 ดอลลาร์ ระยะสั้นขาลง ระวังเทขายครั้งใหญ่
_0.jpg)