Talk of The Town

SCGP ไตรมาสแรกกำไรทรุด 48% หลังรายได้ลดลง-ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม คาดศก.โลกชะลอ เหตุนโยบายภาษีสหรัฐ


29 เมษายน 2568

SCGP แจงงบไตรมาส 1/68 รายได้ 3.22 หมื่นล้านบาท หดตัว 5% หลังราคาขายผลิตภัณฑ์และยอดส่งออกลดลง พร้อมฉุดกำไรเหลือ 900 ล้านบาท ดิ่ง 48%

SCGP ไตรมาสแรกกำไรทรุด 48__S2T (เว็บ)_0.jpg

บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 มีรายได้จากการขายรวม 32,209 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและธุรกิจเยื่อและกระดาษลดลง ประกอบกับปริมาณขายส่งออกของกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ชะลอตัว

แต่อย่างไรดีเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและธุรกิจเยื่อและกระดาษมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะจากตลาดในประเทศ

ขณะที่กำไรสำหรับงวดไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 900 ล้านบาท ลดลง 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกันกับรายได้จากการขายที่ลดลง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ที่มีผลขาดทุน 57 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และต้นทุนของวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลต้นทุนพลังงาน และค่าขนส่งลดลง

ทั้งนี้ ในปี 2568 เศรษฐกิจโลกคาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง เนื่องจากความไม่แน่นอนและผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งนำไปสู่ความกดดันทางการค้าและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ อาเซียนยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตดีกว่าภูมิภาคอื่น

โดยมีปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ในประเทศและความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิต อย่างไรก็ตาม ความท้าทายจากภายนอกเหล่านี้ยังคงส่งผลกระทบต่อธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคการส่งออกสำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์นั้น คาดการณ์ว่าความต้องการในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเช่น อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ความต้องการสำหรับสินค้าคงทนมีแนวโน้มชะลอตัวเนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค ในด้านต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะกระดาษรีไซเคิล (RCP) และค่าขนส่งมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากอุปสงค์ในภูมิภาค สำหรับต้นทุนพลังงาน คาดว่าจะมีแนวโน้มคงที่ อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของสกุลเงินยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตาม

สำหรับกลยุทธ์การเติบโตของ SCGP มุ่งเน้นที่การเติบโตภายในประเทศ ส่วนภูมิภาคอาเซียน การขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคและธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น วัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับการดำเนินงานในประเทศอินโดนีเซีย

ในด้านการดำเนินงาน SCGP มีการบริหารจัดการต้นทุนผ่านการเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกและการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์(AI) ให้เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานและการผลิต นอกจากนี้บริษัทได้ดำเนินการขยายเครือข่ายพันธมิตรและศูนย์จัดการวัสดุรีไซเคิลในภูมิภาคอาเซียน พร้อมยกระดับความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบผ่านบริษัทย่อยในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ SCGP ดำเนินการปรับเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นที่การผลิตสู่การให้ความสำคัญกับลูกค้า โดยเน้นความร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรในการพัฒนาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ พร้อมด้วยทีมนักวิจัยที่มีความรู้และความสามารถ โดยในไตรมาสที่ 1/68 รายได้จากโซลูชันบรรจุภัณฑ์และนวัตกรรมคิดเป็น 39% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2567

นอกจากนี้ SCGP ยังคงดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 25% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1/68 บริษัทมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกที่ 42% เพิ่มขึ้นจาก 38.3% ในปี 2567 และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิล ใช้ซ้ำหรือย่อยสลายได้ให้ครบ 100% ภายในปี 2573