จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : DTCENT ยืนหนึ่ง GPS Tracking ทุ่มงบ 300 ลบ. พัฒนาสินค้า-บริการ จับมือพันธมิตรสร้างการเติบโต


29 เมษายน 2568

ความปลอดภัยทางถนนเป็นแนวทางในการลดการเกิดอุบัติเหตุ และลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งผู้นำในการพัฒนาและให้บริการติดตั้งอุปกรณ์การติดตามยานพาหนะ “บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์” (DTCENT) ปีนี้ทุ่มงบลงทุน300 ล้านบาท พัฒนาสินค้าและบริการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

DTCENT_รายงานพิเศษ S2T (เว็บ) copy_0.jpg

บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) ประกอบธุรกิจ ออกแบบ วิจัย พัฒนา จัดจำหน่าย และให้บริการอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) และพัฒนาระบบไอโอที (IoT Solution) และ Artificial Intelligence (AI) ครบวงจร รวมถึงวิจัยและพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ เพื่อการบริหารขนส่งและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ยังคงยืน 1 ในประเทศไทย ในการเป็นผู้นำการให้บริการระบบ GPS Tracking (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2568)

หากย้อนดูข้อมูลผลการดำเนินงานย้อนหลัง (2565-2567) มีรายได้รวม 641.59 ล้านบาท 729.46 ล้านบาท และ 740.36 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.06 ล้านบาท 99.83 ล้านบาท และ 114.77 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

ทุ่มงบลงทุน 300 ลบ.

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บมจ.ดี.ที.ซี.เอ็นเตอร์ไพรส์  (DTCENT) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี  2568  บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ในรูปแบบ M&A การลงทุนในโปรเจคของรัฐบาลและเอกชน การพัฒนา Control Room และการนำ AI มาพัฒนาในการทำวิจัยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการขนส่ง หรือ TSM  ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งแล้ว

ตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 10-15%

ในปี 2568 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากธุรกิจ GPS Tracking โดยเฉพาะค่าบริการการเช่าอุปกรณ์ ที่มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ ส่วนงาน IoT Solutions และระบบ AI ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเปิดศูนย์ DTC SHOP ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน และเพิ่มช่องทางสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income)

ลุยเปิดศูนย์ DTC SHOP ครบ 20 สาขา

ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เปิดศูนย์ DTC SHOP ที่ให้บริการแล้ว 15 สาขา ประกอบด้วย สาขาถนนบางนา-ตราด กม.6, สาขาเชียงใหม่, สาขาอุดรธานี, สาขาขอนแก่น, สาขาอยุธยา, สาขานครสวรรค์, สาขาพระราม 2, สาขาแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี, สาขามาบข่า จังหวัดระยอง, สาขาท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี, สาขานครราชสีมา, สาขาภูเก็ต, สาขาอุบลราชธานี, สาขาจังหวัดสงขลา และสาขาบางบัวทอง เพื่อให้บริการผู้ใช้รถทุกประเภท และครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงจะช่วยลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี โดยในปีนี้เตรียมเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 สาขา

รุกโปรเจค Smart City-Smart AI

ส่วนงานด้าน IoT Solutions และระบบ AI ปัจจุบันได้รับงานพัฒนาโครงการเทศบาลนครรังสิตสู่เมืองอัจฉริยะ โดยใช้แอปพลิเคชันสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Rangsit City App) ซึ่งช่วงปลายปี 2567 บริษัทฯ ได้รับประกาศนียบัตร Smart City Solutions Awards 2024 “รางวัลระดับดี” จาก DEPA ในการประกวดด้านการบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) “ระบบบริการภาครัฐเพื่อชาวนครรังสิตอย่างยั่งยืน Rangsit City App เปลี่ยนเมือง ด้วยมือเรา” และบริษัทฯ วางแผนจัดทำโครงการ Smart City Solution, Smart AI Solution ให้บริการกับโครงการหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีกหลายโครงการ

ขณะที่ งานด้านระบบ BAMS (Business Activity Management System) ได้เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 42 บริษัท

ส่งเสริมความปลอดภัยใช้รถแบบครบวงจร

การเปิดศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center โดยให้บริการงานมอนิเตอร์กับกลุ่มลูกค้าบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว และส่วนงานด้านการอบรมความปลอดภัยอย่างครบวงจร เช่น การใช้รถใช้ถนน การขับขี่อย่างปลอดภัย และ Simulator ได้เปิดให้บริการกับกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่

จับมือ2พันธมิตรสยายปีกต่างแดน

สำหรับความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ปัจจุบันมีการรับงานโครงการร่วมกัน โดยขยายการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่ ด้าน Supply Chain ในส่วนของ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) ร่วมกันศึกษาการทำตลาดด้าน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียน

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับใบ Certificate  IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์เรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“กลยุทธ์การแข่งขันของ DTCENT เรายังคงมุ่งเน้นการนำ AI มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้ง GPS Tracking, Mobile DVR, IoT Solution, Solution Matching Platform เพื่อให้มีความทันสมัยสูงสุด รวมทั้ง การต่อยอดธุรกิจหลักไปในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยการเข้าลงทุนรูปแบบ M&A เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน” นายทศพล กล่าว