การกระตุ้นการก่อสร้างในประเทศของบีโอไอ สนับสนุนการเติบโตของบริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) ที่ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยระบุว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (63-65) ได้มีบรรษัทข้ามชาติใหญ่ระดับโลกเลือกใช้ไทยเป็นฐานลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 2,687 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาท
ซึ่งนายกรัฐมนตรีพอใจกับการเติบโตของการลงทุนที่เกิดขึ้น และถือเป็นผลสะท้อนที่เป็นรูปธรรมแสดงให้เห็นว่าต่างชาติเชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาล พื้นฐาน ศักยภาพของประเทศไทยและคนไทย และความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นผลงานของทีมไทยแลนด์ของทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ทีมปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ บีโอไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันทำงานอย่างหนักท่ามกลางการแข่งขันกับประเทศต่างๆที่เร่งดึงดูดนักลงทุนเช่นกัน แต่ทีมไทยแลนด์ก็สามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนทั่วโลกเลือกเป็นฐานการผลิตได้
"ในเดือน มี.ค.นี้ สำนักงานบีโอไอจะเสนอโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายโครงการให้บอร์ดบีโอไออนุมัติ การที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยต่อเนื่อง ทำให้นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่ารัฐบาลได้กำหนดนโยบายมาถูกทางและได้การวางรากฐานให้อุตสาหกรรมใหม่ของประเทศให้เข้มแข็งต่อไปในอนาคต" น.ส.ไตรศุลี กล่าว
สำหรับการขอรับส่งเสริมการลงทุนของบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่
1.อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรวมถึงสถานีอัดประจุไฟฟ้า 46 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 78,115 ล้านบาท
2.อุตสาหกรรมดิจิทัล 420 โครงการ มูลค่า 64,481 ล้านบาท
3.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 92 โครงการ มูลค่า 113,990 ล้านบาท
4.อุตสาหกรรม BCG 1,911 โครงการ มูลค่า 305,170 ล้านบาท
5.อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 218 โครงการ มูลค่า 53,104 ล้านบาท
การส่งเสริมการลงทุนของBOI มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนก่อสร้างในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(IND) ที่ให้บริการงานวิศวกรรมออกแบบพร้อมก่อสร้างและวิศวกรรมที่ปรึกษาแบบครบวงจร ทั้งด้านงานสำรวจ ศึกษาความเหมาะสมและวางแผนแม่บท งานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายละเอียด งานบริหารโครงการและงานควบคุมการก่อสร้าง และงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง
ซึ่ง ดร.พรลภัส ณ ลำพูน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IND คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯมีความมั่นใจในศักยภาพของรายได้และกำไรสุทธิว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนของภาครัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยได้เร่งรัดให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทฯ เพราะทำให้มีโอกาสเข้าร่วมประมูล โครงการออกแบบ และก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายโครงการ อีกทั้งทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 2,266.74 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 ม.ค.2566) โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20 %
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยระบุว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (63-65) ได้มีบรรษัทข้ามชาติใหญ่ระดับโลกเลือกใช้ไทยเป็นฐานลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 2,687 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาท
ซึ่งนายกรัฐมนตรีพอใจกับการเติบโตของการลงทุนที่เกิดขึ้น และถือเป็นผลสะท้อนที่เป็นรูปธรรมแสดงให้เห็นว่าต่างชาติเชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาล พื้นฐาน ศักยภาพของประเทศไทยและคนไทย และความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นผลงานของทีมไทยแลนด์ของทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ทีมปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ บีโอไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันทำงานอย่างหนักท่ามกลางการแข่งขันกับประเทศต่างๆที่เร่งดึงดูดนักลงทุนเช่นกัน แต่ทีมไทยแลนด์ก็สามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนทั่วโลกเลือกเป็นฐานการผลิตได้
"ในเดือน มี.ค.นี้ สำนักงานบีโอไอจะเสนอโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายโครงการให้บอร์ดบีโอไออนุมัติ การที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยต่อเนื่อง ทำให้นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่ารัฐบาลได้กำหนดนโยบายมาถูกทางและได้การวางรากฐานให้อุตสาหกรรมใหม่ของประเทศให้เข้มแข็งต่อไปในอนาคต" น.ส.ไตรศุลี กล่าว
สำหรับการขอรับส่งเสริมการลงทุนของบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่
1.อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรวมถึงสถานีอัดประจุไฟฟ้า 46 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 78,115 ล้านบาท
2.อุตสาหกรรมดิจิทัล 420 โครงการ มูลค่า 64,481 ล้านบาท
3.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 92 โครงการ มูลค่า 113,990 ล้านบาท
4.อุตสาหกรรม BCG 1,911 โครงการ มูลค่า 305,170 ล้านบาท
5.อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 218 โครงการ มูลค่า 53,104 ล้านบาท
การส่งเสริมการลงทุนของBOI มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนก่อสร้างในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(IND) ที่ให้บริการงานวิศวกรรมออกแบบพร้อมก่อสร้างและวิศวกรรมที่ปรึกษาแบบครบวงจร ทั้งด้านงานสำรวจ ศึกษาความเหมาะสมและวางแผนแม่บท งานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายละเอียด งานบริหารโครงการและงานควบคุมการก่อสร้าง และงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง
ซึ่ง ดร.พรลภัส ณ ลำพูน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IND คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯมีความมั่นใจในศักยภาพของรายได้และกำไรสุทธิว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนของภาครัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยได้เร่งรัดให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทฯ เพราะทำให้มีโอกาสเข้าร่วมประมูล โครงการออกแบบ และก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายโครงการ อีกทั้งทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 2,266.74 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 ม.ค.2566) โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20 %