ราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำ หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าปรับลดลง รวมทั้งต้นทุนของบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ที่ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บล.ฟินันเซียไซรัส เชื่อบริษัทเริ่มกลับมาฟื้นตัว แนะนำ “ซื้อ”
บล.ฟินันเซียไซรัส วิเคราะห์หุ้นบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง โดยระบุว่า
SFLEX ผู้ผลิตชั้นนำในบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน
SFLEX เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible plastic packaging) ที่มีคุณภาพสูง บริษัทฯมีรายได้ส่วนใหญ่ (ประมาณ 60%-70%) จากสินค้าประเภทม้วนฟิล์มที่ขายในประเทศให้แก่อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภค SFLEX เริ่มธุรกิจเมื่อ 20 ปีที่แล้วและได้เจาะเข้าสู่อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบริโภคเมื่อไม่นานมานี้
ในปี 2022 บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคคิดเป็น 75% ของรายได้รวมและบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบริโภคคิดเป็น 24% ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน อัตรากำไรฟื้นตัวมาตั้งแต่4Q22 หลังจากถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูงมา 2 ปีตามราคาน้ำมันดิบโลก
SFLEX รายงานกำไรปกติ 4Q22 อยู่ในเกณฑ์ดีที่ 34 ลบ. นับเป็นกำไรที่สูงที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวเป็น 15.3% เทียบกับที่เคยตกต่ำสุดถึง 10.8% ใน 3Q22 ในปี 2022 บริษัทฯ รายงานกำไรปกติลดลงมาอยู่ที่ 55 ลบ. (-63% y-y) หลังอัตรากำไรปกติลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 ปีที่ 3.3% ในด้านบวกคือรายได้จากการขายทรงตัวในระดับสูงที่ 1.7 พันลบ. ลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 0.5% y-y หลังโตดีถึง 11% y-y และ 20% y-y ในปี 2020-21 ตามลำดับ
ได้เวลาพลิกฟื้น
จากราคาขายที่ค่อยๆ ปรับในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกทรงตัว เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นแตะ 18.5% ในปี 2023 ใกล้ค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2020-21 โดยคำนึงถึงค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นในช่วง 4M23 แล้ว และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะค่อย ๆ ไต่ขึ้นสู่ระดับก่อนโรคระบาดที่ 20% ในปี 2025 ด้วยเหตุดังกล่าว เราจึงคาดว่ากำไรปกติน่าจะกระโดดเพิ่ม 193% y-y เป็น 160 ลบ. ในปี 2023 และโต 11.8% CAGR มาอยู่ที่ 200 ลบ. ในปี 2025
แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 4.7 บาท
เราแนะนำซื้อ SFLEX ที่ราคาเป้าหมาย 4.7 บาท (24x ของค่า 2023E P/E, -0.5SD ของค่าเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจดทะเบียนในตลาดฯ) เราเห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง 41% ในปี 2022 ได้สะท้อนกำไรที่ตกต่ำไปหมดแล้ว ปัจจุบันหุ้นมีการซื้อขายที่ 18.9x ของค่า 2023E P/E และที่เพียง 12.6x ของค่า 2023E EV/EBITDA (-1.0SD ของค่า P/E และ EV/EBITDA เฉลี่ย 4 ปีย้อนหลัง) เกือบเท่าจุดต่ำสุดตั้งแต่หุ้นจดทะเบียนในตลาดฯ
แต่ถ้าผู้ถือหุ้นใช้สิทธิ์ SFLEX-W1 ทั้งหมด กำไรต่อหุ้นปี 2023 น่าจะลดลงจากประมาณการปัจจุบัน 9% ซึ่งจะทำให้ราคาเป้าหมายปี 2023 ของเราลดลงเหลือ 4.3 บาท
บล.ฟินันเซียไซรัส วิเคราะห์หุ้นบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง โดยระบุว่า
SFLEX ผู้ผลิตชั้นนำในบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน
SFLEX เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible plastic packaging) ที่มีคุณภาพสูง บริษัทฯมีรายได้ส่วนใหญ่ (ประมาณ 60%-70%) จากสินค้าประเภทม้วนฟิล์มที่ขายในประเทศให้แก่อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภค SFLEX เริ่มธุรกิจเมื่อ 20 ปีที่แล้วและได้เจาะเข้าสู่อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบริโภคเมื่อไม่นานมานี้
ในปี 2022 บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคคิดเป็น 75% ของรายได้รวมและบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบริโภคคิดเป็น 24% ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน อัตรากำไรฟื้นตัวมาตั้งแต่4Q22 หลังจากถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูงมา 2 ปีตามราคาน้ำมันดิบโลก
SFLEX รายงานกำไรปกติ 4Q22 อยู่ในเกณฑ์ดีที่ 34 ลบ. นับเป็นกำไรที่สูงที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวเป็น 15.3% เทียบกับที่เคยตกต่ำสุดถึง 10.8% ใน 3Q22 ในปี 2022 บริษัทฯ รายงานกำไรปกติลดลงมาอยู่ที่ 55 ลบ. (-63% y-y) หลังอัตรากำไรปกติลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 ปีที่ 3.3% ในด้านบวกคือรายได้จากการขายทรงตัวในระดับสูงที่ 1.7 พันลบ. ลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 0.5% y-y หลังโตดีถึง 11% y-y และ 20% y-y ในปี 2020-21 ตามลำดับ
ได้เวลาพลิกฟื้น
จากราคาขายที่ค่อยๆ ปรับในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกทรงตัว เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นแตะ 18.5% ในปี 2023 ใกล้ค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2020-21 โดยคำนึงถึงค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นในช่วง 4M23 แล้ว และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะค่อย ๆ ไต่ขึ้นสู่ระดับก่อนโรคระบาดที่ 20% ในปี 2025 ด้วยเหตุดังกล่าว เราจึงคาดว่ากำไรปกติน่าจะกระโดดเพิ่ม 193% y-y เป็น 160 ลบ. ในปี 2023 และโต 11.8% CAGR มาอยู่ที่ 200 ลบ. ในปี 2025
แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 4.7 บาท
เราแนะนำซื้อ SFLEX ที่ราคาเป้าหมาย 4.7 บาท (24x ของค่า 2023E P/E, -0.5SD ของค่าเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจดทะเบียนในตลาดฯ) เราเห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง 41% ในปี 2022 ได้สะท้อนกำไรที่ตกต่ำไปหมดแล้ว ปัจจุบันหุ้นมีการซื้อขายที่ 18.9x ของค่า 2023E P/E และที่เพียง 12.6x ของค่า 2023E EV/EBITDA (-1.0SD ของค่า P/E และ EV/EBITDA เฉลี่ย 4 ปีย้อนหลัง) เกือบเท่าจุดต่ำสุดตั้งแต่หุ้นจดทะเบียนในตลาดฯ
แต่ถ้าผู้ถือหุ้นใช้สิทธิ์ SFLEX-W1 ทั้งหมด กำไรต่อหุ้นปี 2023 น่าจะลดลงจากประมาณการปัจจุบัน 9% ซึ่งจะทำให้ราคาเป้าหมายปี 2023 ของเราลดลงเหลือ 4.3 บาท