Talk of The Town
MENA ปักหมุดรายได้ปี 66 โตทะลุ 15% อุตฯก่อสร้างคึกหนุนขนส่งคอนกรีตฟื้นแรง ควงกลุ่ม CBG ลุยขนส่งสินค้า ดันผลงานโตกระโดด
17 มีนาคม 2566
บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ฉายภาพธุรกิจปี 2566 เติบโตโดดเด่น รับอานิสงส์อุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นแรง โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคึกคัก สนับสนุนธุรกิจโลจิสติกส์ขยายตัวต่อเนื่องหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ฟากซีอีโอ “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช”ระบุ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% พร้อมผนึกพันธมิตรรายใหญ่ หนุนศักยภาพด้านบริการขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น ผลักดันอนาคตเติบโตก้าวกระโดด
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจโลจิสติกส์ปี 2566 เชื่อว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลาย ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวทั้งจากโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ที่สามารถเดินหน้าตามนโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อยรับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 51.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57.38 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 32.52 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 707.60 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 572.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.52% โดยมีรายได้และกำไรสูงสุดในรอบ5ปี นับตั้งแต่ปี 2561 ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 115 ล้านบาท เติบโตถึง 27% เนื่องจากรับอานิสงส์จากการขนส่งสินค้าทุกประเภททั้งซีเมนต์ คอนกรีต สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเฉพาะทาง และสินค้าควบคุมอุณหภูมิขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการขยายงานของบริษัทฯ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
รวมทั้ง บริษัทฯ ยังมีจุดแข็งจากการมีสัดส่วนขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จอยู่ที่ 10% ของ Market share ทั้งประเทศ ซึ่งคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในปีนี้ และยังมีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเฉพาะทางที่มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแผนสร้างการเติบโตในส่วนของธุรกิจ MENA ยังไม่รวมถึงการเติบโตจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่โดยผ่านบริษัทร่วมทุน คือ ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ที่คาดว่าช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 MENA มีรถขนส่งให้บริการ 728 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 472 คัน รถเทรลเลอร์ 68 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 105 หาง รถบรรทุก 4-10 ล้อและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 83 คัน มีพนักงานรวมกว่า 780 คนโดยมีแผนขยายฟลีทรถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 820 คันภายในสิ้นปีนี้
“MENA มุ่งมั่นในการบริหารงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า รวมถึงการควบคุมคุณภาพบริการขนส่ง ควบคู่กับการคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ทำให้เป็นผู้ให้บริการด้านงานขนส่งเบอร์ต้นๆ ของประเทศที่มีฐานลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำไว้วางใจใช้บริการ และวันนี้ เราไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการขนส่งด้วยรถมิกซ์เซอร์ แต่กำลังขยายไปยังตลาดที่มีศักยภาพ และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีความแข็งแกร่ง” นางสุวรรณา กล่าวในที่สุด
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจโลจิสติกส์ปี 2566 เชื่อว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลาย ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวทั้งจากโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ที่สามารถเดินหน้าตามนโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อยรับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 51.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57.38 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 32.52 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 707.60 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 572.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.52% โดยมีรายได้และกำไรสูงสุดในรอบ5ปี นับตั้งแต่ปี 2561 ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 115 ล้านบาท เติบโตถึง 27% เนื่องจากรับอานิสงส์จากการขนส่งสินค้าทุกประเภททั้งซีเมนต์ คอนกรีต สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเฉพาะทาง และสินค้าควบคุมอุณหภูมิขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการขยายงานของบริษัทฯ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
รวมทั้ง บริษัทฯ ยังมีจุดแข็งจากการมีสัดส่วนขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จอยู่ที่ 10% ของ Market share ทั้งประเทศ ซึ่งคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในปีนี้ และยังมีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเฉพาะทางที่มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแผนสร้างการเติบโตในส่วนของธุรกิจ MENA ยังไม่รวมถึงการเติบโตจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่โดยผ่านบริษัทร่วมทุน คือ ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ที่คาดว่าช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 MENA มีรถขนส่งให้บริการ 728 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 472 คัน รถเทรลเลอร์ 68 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 105 หาง รถบรรทุก 4-10 ล้อและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 83 คัน มีพนักงานรวมกว่า 780 คนโดยมีแผนขยายฟลีทรถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 820 คันภายในสิ้นปีนี้
“MENA มุ่งมั่นในการบริหารงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า รวมถึงการควบคุมคุณภาพบริการขนส่ง ควบคู่กับการคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ทำให้เป็นผู้ให้บริการด้านงานขนส่งเบอร์ต้นๆ ของประเทศที่มีฐานลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำไว้วางใจใช้บริการ และวันนี้ เราไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการขนส่งด้วยรถมิกซ์เซอร์ แต่กำลังขยายไปยังตลาดที่มีศักยภาพ และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีความแข็งแกร่ง” นางสุวรรณา กล่าวในที่สุด