YLG ปรับเป้าหมายทองคำปี 66 เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รับปัจจัยหนุนนักลงทุนกังวลวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐและยุโรปอาจไม่จบง่าย แนะเพิ่มความระมัดระวังเหตุราคาเข้าใกล้จุดสูงสุด ขณะที่ทองคำในประเทศมองกรอบ 33,800 บาทต่อบาททองคำ
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำจากต้นปีที่ประเมินไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
เนื่องจากตั้งต้นปีจนถึงวันที่ 21 มีนาคม ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 7.85% จากที่เปิดตลาดประมาณ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ มาทำระดับสูงสุดของปีที่ 2,009 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ถือเป็นการทำราคาสูงสุดใหม่ทุกวันนับจากวันศุกร์ที่ผ่านมาและเป็นการปรับขึ้นสูงสุดนับจากเดือนเมษายน 2565 และถือว่าเข้ามาใกล้จุดสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการกลับเข้ามาเติมเงินสู่ระบบของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังจากเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องของกลุ่มธนาคารในสหรัฐและลุกลามมาสู่ยุโรป ซึ่งปัจจัยนี้ยังส่งผลให้นักลงทุนจับตาดูธนาคารแห่งอื่นๆที่เผชิญปัญหาเดียวกันอาจจะมีมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ว่าเฟดและกระทรวงการคลังของสหรัฐจะออกมาตรการให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่เติมสภาพคล่องสู่ระบบแต่ธนาคารท้องถิ่นของแต่ละรัฐมีจำนวนมาก จึงทำให้นักลงทุนยังมองว่ามีความเสี่ยง
ดังนั้นสินทรัพย์ปลอดภัยโดยเฉพาะทองคำจึงมีแรงซื้อเข้ามา นอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์ว่า เฟดจะชะลอความเข็งแกร้าวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ก็เริ่มคงเข้าซื้อทองคำ จึงหนุนให้ทองคำพุ่งอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้นักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้หากต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้นเพราะราคาทองคำปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว มีโอกาสเจอแรงขายทำกำไร แถวๆ 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ อย่างไรก็ตามหากต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลง แถวๆ 1,804-1,786 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ กรอบแนวรับ 29,350-29,100 บาทต่อบาททองคำ แนวต้าน 33,800 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดีทองคำแม้ว่าราคาทองคำจะเป็นทิศทางแกว่งตัวสู่ขาขึ้น แต่วายแอลจียังคงแนะนำสัดส่วนการลงทุนทองคำที่ดีควรมีทองคำ 5-10% ของพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนรวม โดยไม่แนะนำให้ไล่ราคาเพราะทองคำขึ้นมาใกล้จุดสูงสุดอาจจะมีแรงขายทำกำไรได้
ทั้งนี้นักลงทุนสามารถลงทุนทองคำผ่าน ตลาด ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะการลงทุนในโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท อย่างไรก็ดี วายแอลจี ได้ตระหนักถึงการเพิ่มความรู้ในการลงทุนให้แก่ลูกค้าและนักลงทุนที่สนใจตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยได้จับมือกับ TFEX ในการจัดสัมมนา หัวข้อ “เทคนิคลงทุนทองคำอย่างไรให้ขาดในตลาด TFEX” และ “การเทรดเป็นระบบ เพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน” ในวันที่ 1 เมษายน 2566 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยรับจำนวนจำกัดเพียง 100 ท่าน สนใจติดต่อ 02 687 9999 ต่อ 1
นอกจากนี้วายแอลจียังเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนด้วยการจับมือกับ CME Group ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ครอบคลุมบริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าครบวงจร เพิ่มทางเลือกให้ที่สนใจลงทุนในตลาดล่วงหน้าที่มีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างครบถ้วน
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำจากต้นปีที่ประเมินไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
เนื่องจากตั้งต้นปีจนถึงวันที่ 21 มีนาคม ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 7.85% จากที่เปิดตลาดประมาณ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ มาทำระดับสูงสุดของปีที่ 2,009 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ถือเป็นการทำราคาสูงสุดใหม่ทุกวันนับจากวันศุกร์ที่ผ่านมาและเป็นการปรับขึ้นสูงสุดนับจากเดือนเมษายน 2565 และถือว่าเข้ามาใกล้จุดสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการกลับเข้ามาเติมเงินสู่ระบบของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังจากเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องของกลุ่มธนาคารในสหรัฐและลุกลามมาสู่ยุโรป ซึ่งปัจจัยนี้ยังส่งผลให้นักลงทุนจับตาดูธนาคารแห่งอื่นๆที่เผชิญปัญหาเดียวกันอาจจะมีมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ว่าเฟดและกระทรวงการคลังของสหรัฐจะออกมาตรการให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่เติมสภาพคล่องสู่ระบบแต่ธนาคารท้องถิ่นของแต่ละรัฐมีจำนวนมาก จึงทำให้นักลงทุนยังมองว่ามีความเสี่ยง
ดังนั้นสินทรัพย์ปลอดภัยโดยเฉพาะทองคำจึงมีแรงซื้อเข้ามา นอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์ว่า เฟดจะชะลอความเข็งแกร้าวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ก็เริ่มคงเข้าซื้อทองคำ จึงหนุนให้ทองคำพุ่งอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้นักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้หากต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้นเพราะราคาทองคำปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว มีโอกาสเจอแรงขายทำกำไร แถวๆ 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ อย่างไรก็ตามหากต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลง แถวๆ 1,804-1,786 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ กรอบแนวรับ 29,350-29,100 บาทต่อบาททองคำ แนวต้าน 33,800 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดีทองคำแม้ว่าราคาทองคำจะเป็นทิศทางแกว่งตัวสู่ขาขึ้น แต่วายแอลจียังคงแนะนำสัดส่วนการลงทุนทองคำที่ดีควรมีทองคำ 5-10% ของพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนรวม โดยไม่แนะนำให้ไล่ราคาเพราะทองคำขึ้นมาใกล้จุดสูงสุดอาจจะมีแรงขายทำกำไรได้
ทั้งนี้นักลงทุนสามารถลงทุนทองคำผ่าน ตลาด ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะการลงทุนในโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท อย่างไรก็ดี วายแอลจี ได้ตระหนักถึงการเพิ่มความรู้ในการลงทุนให้แก่ลูกค้าและนักลงทุนที่สนใจตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยได้จับมือกับ TFEX ในการจัดสัมมนา หัวข้อ “เทคนิคลงทุนทองคำอย่างไรให้ขาดในตลาด TFEX” และ “การเทรดเป็นระบบ เพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน” ในวันที่ 1 เมษายน 2566 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยรับจำนวนจำกัดเพียง 100 ท่าน สนใจติดต่อ 02 687 9999 ต่อ 1
นอกจากนี้วายแอลจียังเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนด้วยการจับมือกับ CME Group ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ครอบคลุมบริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าครบวงจร เพิ่มทางเลือกให้ที่สนใจลงทุนในตลาดล่วงหน้าที่มีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างครบถ้วน