ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการประชุม กนง. วันที่ 29 มีนาคมนี้ กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% ซึ่งอาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวัฏจักรนี้ ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลง
![กสิกรไทยคาดผลประชุมกนง.29มี.ค.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/270423/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%87.29%E0%B8%A1%E0%B8%B5.%E0%B8%84.jpg)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดในการประชุมกนง. วันที่ 29 มีนาคม นี้ กนง. น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ อาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นนี้ ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนที่ 3.8% YoY ซึ่งการที่เงินเฟ้อยังอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายของ กนง. นั้นเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ กนง. ยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะถึงนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) สำหรับอนาคต หากมีสถานการณ์ที่ส่งผลให้ กนง. จำเป็นต้องมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า
ขณะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกท่ามกลางผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วของธนาคารกลางหลักอย่าง Fed และ ECB ประกอบกับปัญหาธนาคารชาติตะวันตกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น กนง. คงจะต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้
นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Fed เริ่มเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว ส่งผลให้แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเริ่มลดลง
ทั้งนี้ จากการประชุม FOMC ล่าสุดในวันที่ 21-22 มี.ค. ที่ผ่านมา Fed มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ตามคาด ขณะที่ส่งสัญญาณว่าวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุดลง ส่งผลให้แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของ Fed นั้นมีลดลง อย่างไรก็ดี ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอน โดยคงขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมถึงเสถียรภาพด้านการเงินในระยะข้างหน้า ท่ามกลางปัญหาภาคธนาคารในประเทศตะวันตก โดยหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย แล้วส่งผลให้ Fed อาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า คงต้องติดตามว่า กนง. จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามหรือไม่
![กสิกรไทยคาดผลประชุมกนง.29มี.ค.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/270423/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%87.29%E0%B8%A1%E0%B8%B5.%E0%B8%84.jpg)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดในการประชุมกนง. วันที่ 29 มีนาคม นี้ กนง. น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ อาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นนี้ ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนที่ 3.8% YoY ซึ่งการที่เงินเฟ้อยังอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายของ กนง. นั้นเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ กนง. ยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะถึงนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) สำหรับอนาคต หากมีสถานการณ์ที่ส่งผลให้ กนง. จำเป็นต้องมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า
ขณะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกท่ามกลางผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วของธนาคารกลางหลักอย่าง Fed และ ECB ประกอบกับปัญหาธนาคารชาติตะวันตกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น กนง. คงจะต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้
นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Fed เริ่มเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว ส่งผลให้แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเริ่มลดลง
ทั้งนี้ จากการประชุม FOMC ล่าสุดในวันที่ 21-22 มี.ค. ที่ผ่านมา Fed มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ตามคาด ขณะที่ส่งสัญญาณว่าวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุดลง ส่งผลให้แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของ Fed นั้นมีลดลง อย่างไรก็ดี ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอน โดยคงขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมถึงเสถียรภาพด้านการเงินในระยะข้างหน้า ท่ามกลางปัญหาภาคธนาคารในประเทศตะวันตก โดยหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย แล้วส่งผลให้ Fed อาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า คงต้องติดตามว่า กนง. จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามหรือไม่