ธุรกิจไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศของสปป.ลาว ซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสนใจที่จะเข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้ง บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่ได้ตั้งบริษัทร่วมทุนกับสปป.ลาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ อย่างครบวงจร
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจด้านธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า และธุรกิจ Smart Energy Solutions มุ่งเสริมสร้างประสิทธิภาพความมั่นคงในการผลิตและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า และกิจการไฟฟ้าให้ยั่งยืน ได้แก่
1) ธุรกิจโทรคมนาคม กฟผ. และ EDL จะร่วมกันพัฒนาธุรกิจโทรคมนาคมใน สปป.ลาว โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของแต่ละฝ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงโครงข่าย Fiber Optic ระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว
2) ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ซึ่งจะร่วมกันแสวงหาโอกาสพัฒนาธุรกิจการให้บริการงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว ต่อไป อาทิ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 3
3) เรื่อง Smart Energy Solutions กฟผ. และ EDL จะแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบ Smart Energy Solutions ในส่วนของสมาร์ทไมโครกริดและแสวงหาพื้นที่ที่มีศักยภาพใน สปป.ลาว ที่สามารถพัฒนาต่อยอดระบบดังกล่าวได้ โดยผู้แทนของสองประเทศจะร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ ทรัพยากร และข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้บันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีกรอบความร่วมมือเป็นระยะเวลา 3 ปี
ส่วนความร่วมมือกับภาคเอกชน รัฐบาล สปป.ลาวและบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่าด้วย ความร่วมมือเพื่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงการเงิน(กระทรวงการคลัง) แห่ง สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับสู่สังคมไร้มลพิษ
“ภูทนูเพชร ไซสมบัตร” รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) สปป. ลาว กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้องความสำคัญระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถทางด้านพลังงานและระบบขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ระบุว่า บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และสิทธิบัตรที่หลากหลายในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจน้ำมันชีวภาพ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงการพาณิชย์แบบครบวงจรทั้งทางบกและทางน้ำ ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานที่ทันสมัย โดยพัฒนานวัตกรรม Ultra Fast Charge Technology ที่สามารถอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ทุกชนิด 80% ในระยะเวลาเพียง 15-20 นาที
บริษัทฯ มีความมั่นใจว่า ความร่วมมือระหว่างบริษัทฯกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้ สปป.ลาว ก้าวสู่สังคมไร้มลพิษในอนาคตอันใกล้
สำหรับการร่วมลงทุนในครั้งนี้ EA จะสนับสนุนองค์ความรู้และประสบการณ์ เชิงเทคนิค ในการพัฒนาเพิ่มศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียน รวมถึงโครงสร้างสายส่งไฟฟ้า (Transmission line) ให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพครอบคลุมทั้งพื้นที่ สปป.ลาว และสามารถเชื่อมเข้ากับโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าของประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนการพัฒนาด้านระบบขนส่งเชิงพาณิชย์ด้วยยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนติดตั้งสถานีอัดประจุฯ Ultra-fast charge อย่างครบวงจร เพื่อการขยายตลาดในพื้นที่สปป. ลาว ให้ครอบคลุมการเดินทางทั้งการเพิ่มมูลค่าด้านพลังงานและด้านระบบคมนาคมด้วยรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะและรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อื่นๆ ที่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจดังกล่าวให้แก่ สปป.ลาว
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจด้านธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า และธุรกิจ Smart Energy Solutions มุ่งเสริมสร้างประสิทธิภาพความมั่นคงในการผลิตและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า และกิจการไฟฟ้าให้ยั่งยืน ได้แก่
1) ธุรกิจโทรคมนาคม กฟผ. และ EDL จะร่วมกันพัฒนาธุรกิจโทรคมนาคมใน สปป.ลาว โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของแต่ละฝ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงโครงข่าย Fiber Optic ระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว
2) ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ซึ่งจะร่วมกันแสวงหาโอกาสพัฒนาธุรกิจการให้บริการงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว ต่อไป อาทิ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 3
3) เรื่อง Smart Energy Solutions กฟผ. และ EDL จะแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบ Smart Energy Solutions ในส่วนของสมาร์ทไมโครกริดและแสวงหาพื้นที่ที่มีศักยภาพใน สปป.ลาว ที่สามารถพัฒนาต่อยอดระบบดังกล่าวได้ โดยผู้แทนของสองประเทศจะร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ ทรัพยากร และข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้บันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีกรอบความร่วมมือเป็นระยะเวลา 3 ปี
ส่วนความร่วมมือกับภาคเอกชน รัฐบาล สปป.ลาวและบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่าด้วย ความร่วมมือเพื่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงการเงิน(กระทรวงการคลัง) แห่ง สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับสู่สังคมไร้มลพิษ
“ภูทนูเพชร ไซสมบัตร” รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) สปป. ลาว กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้องความสำคัญระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถทางด้านพลังงานและระบบขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ระบุว่า บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และสิทธิบัตรที่หลากหลายในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจน้ำมันชีวภาพ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงการพาณิชย์แบบครบวงจรทั้งทางบกและทางน้ำ ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานที่ทันสมัย โดยพัฒนานวัตกรรม Ultra Fast Charge Technology ที่สามารถอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ทุกชนิด 80% ในระยะเวลาเพียง 15-20 นาที
บริษัทฯ มีความมั่นใจว่า ความร่วมมือระหว่างบริษัทฯกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้ สปป.ลาว ก้าวสู่สังคมไร้มลพิษในอนาคตอันใกล้
สำหรับการร่วมลงทุนในครั้งนี้ EA จะสนับสนุนองค์ความรู้และประสบการณ์ เชิงเทคนิค ในการพัฒนาเพิ่มศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียน รวมถึงโครงสร้างสายส่งไฟฟ้า (Transmission line) ให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพครอบคลุมทั้งพื้นที่ สปป.ลาว และสามารถเชื่อมเข้ากับโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าของประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนการพัฒนาด้านระบบขนส่งเชิงพาณิชย์ด้วยยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนติดตั้งสถานีอัดประจุฯ Ultra-fast charge อย่างครบวงจร เพื่อการขยายตลาดในพื้นที่สปป. ลาว ให้ครอบคลุมการเดินทางทั้งการเพิ่มมูลค่าด้านพลังงานและด้านระบบคมนาคมด้วยรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะและรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อื่นๆ ที่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจดังกล่าวให้แก่ สปป.ลาว