บล.ดาโอ วิเคราะห์ผลประกอบการ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เชื่อเดินหน้าเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ มี upside รายได้จากสินค้านวัตกรรมและรายได้ตลาดต่างประเทศใหม่ๆโดยเฉพาะ ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และจีน ขณะที่ผู้บริหารประกาศปี 66 เน้นสร้างแบรนด์ “โลตัส” หนุนผลงานบริษัท
บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น SNNP โดยระบุว่า บริษัทได้ประเมินกำไรสุทธิ 1Q23E ที่ 158 ล้านบาท (+50% YoY, +3% QoQ) กำไรขยายตัว YoY
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
1) รายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น +30% YoY จากรายได้ในประเทศที่ขยายตัว +26% YoY โดยการบริโภคฟื้นตัว, สินค้าใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี และรายได้นักท่องเที่ยวกลับมาที่ 75% ของระดับก่อนโควิด ด้านรายได้ต่างประเทศขยายตัว +45% YoY จากรายได้เวียดนามที่ขยายตัว
2) GPM ขยายตัว จาก GPM ของ Vietnam ที่ขยายตัว และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง
3) SG&A to sales ปรับตัวลดลง ด้านกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จาก GPM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย GPM ของเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 37% จาก 33% ใน 4Q22 และ SG&A expenses ปรับตัวลดลง เนื่องจากปรับตัวลงจากการปรับกลยุทธ์โฆษณา เนื่องจากมีการลงโฆษณาไปแล้วใน 4Q22 (jele new packaging, bento) ช่วยชดเชยรายได้รวมที่ปรับตัวลดลง -10% QoQ จากรายได้ต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง -36% QoQ เนื่องจากเทศกาล Tet ในเวียดนาม
บริษัทยังคงประมาณการกำไรปกติที่ 722 ล้านบาท (+40% YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
1) รายได้ขยายตัวต่อเนื่องที่ +16% YoY จากรายได้ในประเทศที่เติบโต +14% YoY จากการบริโภคขยายตัว ด้านรายได้ต่างประเทศ +21% YoY หนุนโดยรายได้เวียดนามเติบโต +50% YoY (สัดส่วน 16% ของรายได้รวม) จากการรับรู้รายได้เฟส 1เต็มปี และเริ่มรับรู้รายได้เฟส 2 และ 3 ในช่วง 2H22E
2) GPM ขยายตัวจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และ GPM ต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากโรงงานเวียดนาม สำหรับปี 2024E เรามองว่าเป็นปีทองของ SNNP คาดกำไรปกติที่ 914 ล้านบาท (+27% YoY) จาก 1) รายได้รวมโต +15% YoY จากรายได้ต่างประเทศโต +21% YoY จากการรับรู้รายได้จากโรงงานเวียดนามทั้ง 3 เฟส เต็มปีและในประเทศ +12% YoY และ 2) GPM ขยายตัวต่อเนื่อง
ดังนั้นบริษัทยังคงราคาเป้าหมายที่ 30.00 บาท อิง 2023E PER ที่ 40.0x โดยมองว่าผลประกอบการเดินหน้าเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ ทั้งนี้มี upside รายได้จากสินค้านวัตกรรมและรายได้ตลาดต่างประเทศใหม่ๆโดยเฉพาะ ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และจีน
ขณะที่นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP กล่าวว่าบริษัทได้ออกสินค้าใหม่ "โลตัสหนังไก่กรอบ รสหม่าล่า" เน้นย้ำจุดแข็งจากกลยุทธ์ Premium mass และ Channel Distribution Strategy และหลังจากนี้บริษัทคงไม่หยุดนิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่รสชาติที่ถูกปากผู้บริโภคต่อไป เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่อยากได้รสชาติใหม่ๆ เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำทางการตลาด
"บริษัทฯวางกลยุทธ์โฆษณาสื่อออนไลน์สร้างการรับรู้ผู้บริโภค มุ่งเน้นการโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ของสินค้าใหม่ โลตัสหนังไก่กรอบ รสหม่าล่า ผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก มีการจัดกิจกรรมใน Facebook page และสื่อสารผ่าน Influencers เพื่อโปรโมทให้ไปลองรสชาติใหม่ได้ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 นับเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการทำตลาดแบรนด์ "โลตัส" อีกหนึ่งขาธุรกิจที่ SNNP วางเป้าสร้างผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ให้เติบโตเป็นที่รู้จัก สอดคล้องกับคอนเซปต์ของแบรนด์ "ขนมโลตัส กรอบอร่อยทุกซอง ทุกช่วงเวลา" ทิศทางการเติบโตจะเป็นอย่างไร น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง" นายวิโรจน์ กล่าว
หลังจากที่ SNNP ประสบความสำเร็จทั้งยอดขาย ผลประกอบการ และส่วนแบ่งทางการตลาดจากสินค้า "เจเล่" และ "เบนโตะ" ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ในปี 2566 จะสร้างแบรนด์ "โลตัส" เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าให้เป็นอีกหนึ่งขาของฐานธุรกิจ SNNP ในอนาคต การออกสินค้าใหม่ๆนอกจากจะช่วยสร้างความคึกคักในตลาดขนมขบเคี้ยวเป็นอย่างมากแล้ว และยังช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยสนับสนุนผลดำเนินงานของบริษัทฯในปี 66 ให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้
บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น SNNP โดยระบุว่า บริษัทได้ประเมินกำไรสุทธิ 1Q23E ที่ 158 ล้านบาท (+50% YoY, +3% QoQ) กำไรขยายตัว YoY
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
1) รายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น +30% YoY จากรายได้ในประเทศที่ขยายตัว +26% YoY โดยการบริโภคฟื้นตัว, สินค้าใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี และรายได้นักท่องเที่ยวกลับมาที่ 75% ของระดับก่อนโควิด ด้านรายได้ต่างประเทศขยายตัว +45% YoY จากรายได้เวียดนามที่ขยายตัว
2) GPM ขยายตัว จาก GPM ของ Vietnam ที่ขยายตัว และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง
3) SG&A to sales ปรับตัวลดลง ด้านกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จาก GPM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย GPM ของเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 37% จาก 33% ใน 4Q22 และ SG&A expenses ปรับตัวลดลง เนื่องจากปรับตัวลงจากการปรับกลยุทธ์โฆษณา เนื่องจากมีการลงโฆษณาไปแล้วใน 4Q22 (jele new packaging, bento) ช่วยชดเชยรายได้รวมที่ปรับตัวลดลง -10% QoQ จากรายได้ต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง -36% QoQ เนื่องจากเทศกาล Tet ในเวียดนาม
บริษัทยังคงประมาณการกำไรปกติที่ 722 ล้านบาท (+40% YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
1) รายได้ขยายตัวต่อเนื่องที่ +16% YoY จากรายได้ในประเทศที่เติบโต +14% YoY จากการบริโภคขยายตัว ด้านรายได้ต่างประเทศ +21% YoY หนุนโดยรายได้เวียดนามเติบโต +50% YoY (สัดส่วน 16% ของรายได้รวม) จากการรับรู้รายได้เฟส 1เต็มปี และเริ่มรับรู้รายได้เฟส 2 และ 3 ในช่วง 2H22E
2) GPM ขยายตัวจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และ GPM ต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากโรงงานเวียดนาม สำหรับปี 2024E เรามองว่าเป็นปีทองของ SNNP คาดกำไรปกติที่ 914 ล้านบาท (+27% YoY) จาก 1) รายได้รวมโต +15% YoY จากรายได้ต่างประเทศโต +21% YoY จากการรับรู้รายได้จากโรงงานเวียดนามทั้ง 3 เฟส เต็มปีและในประเทศ +12% YoY และ 2) GPM ขยายตัวต่อเนื่อง
ดังนั้นบริษัทยังคงราคาเป้าหมายที่ 30.00 บาท อิง 2023E PER ที่ 40.0x โดยมองว่าผลประกอบการเดินหน้าเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ ทั้งนี้มี upside รายได้จากสินค้านวัตกรรมและรายได้ตลาดต่างประเทศใหม่ๆโดยเฉพาะ ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และจีน
ขณะที่นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP กล่าวว่าบริษัทได้ออกสินค้าใหม่ "โลตัสหนังไก่กรอบ รสหม่าล่า" เน้นย้ำจุดแข็งจากกลยุทธ์ Premium mass และ Channel Distribution Strategy และหลังจากนี้บริษัทคงไม่หยุดนิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่รสชาติที่ถูกปากผู้บริโภคต่อไป เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่อยากได้รสชาติใหม่ๆ เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำทางการตลาด
"บริษัทฯวางกลยุทธ์โฆษณาสื่อออนไลน์สร้างการรับรู้ผู้บริโภค มุ่งเน้นการโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ของสินค้าใหม่ โลตัสหนังไก่กรอบ รสหม่าล่า ผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก มีการจัดกิจกรรมใน Facebook page และสื่อสารผ่าน Influencers เพื่อโปรโมทให้ไปลองรสชาติใหม่ได้ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 นับเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการทำตลาดแบรนด์ "โลตัส" อีกหนึ่งขาธุรกิจที่ SNNP วางเป้าสร้างผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ให้เติบโตเป็นที่รู้จัก สอดคล้องกับคอนเซปต์ของแบรนด์ "ขนมโลตัส กรอบอร่อยทุกซอง ทุกช่วงเวลา" ทิศทางการเติบโตจะเป็นอย่างไร น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง" นายวิโรจน์ กล่าว
หลังจากที่ SNNP ประสบความสำเร็จทั้งยอดขาย ผลประกอบการ และส่วนแบ่งทางการตลาดจากสินค้า "เจเล่" และ "เบนโตะ" ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ในปี 2566 จะสร้างแบรนด์ "โลตัส" เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าให้เป็นอีกหนึ่งขาของฐานธุรกิจ SNNP ในอนาคต การออกสินค้าใหม่ๆนอกจากจะช่วยสร้างความคึกคักในตลาดขนมขบเคี้ยวเป็นอย่างมากแล้ว และยังช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยสนับสนุนผลดำเนินงานของบริษัทฯในปี 66 ให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้