16-12-22 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ระยะนี้บรรดาน้องใหม่ไอพีโอมาแรงเลยนะเนี่ย!!! วันก่อนเพิ่งจะพูดถึง TEGH หยกๆ วันนี้มีรายงานจาก PCC ว่าได้เช่นกานนนนน!!! ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นหลักทรัพย์ในดัชนี FTSE SET Index Series กลุ่ม FTSE SET Shariah Index ในรอบการทบทวนเดือน ธ.ค. 2565 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (มี 18 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมในครั้งนี้) และฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.2565 เป็นต้นไป
***เรื่องนี้ "ป๋ากิตติ สัมฤทธิ์" บิ๊กบอส PCC ปลื้มปริ่ม!! เพราะการได้มีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี FTSE ซึ่งจะทำให้หุ้น PCC เป็นยอมรับและสร้างความมั่นใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นว่าหลักเกณฑ์การคัดเลือก จากเกณฑ์โครงสร้างทางการเงินนั้นค่อนข้างที่จะเข้มงวด ยิ่งเป็นการตอกย้ำและสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งเกร่ง ภาระหนี้สินต่ำ และที่สำคัญที่อยากจะบอกให้รู้โดยทั่วกันคือ แนวโน้มในปีหน้าธุรกิจยังไปได้สวย จะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องและเตรียมบุ๊ครายได้โรงงานกัมพูชาปีหน้า 100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ผลงานโตก้าวกระโดด
***เมื่อวานนี้ภาพรวมตลาดหุ้นไทบยืนแดงในแดนลบทั้งวัน..ยิ่งตอนบ่ายยิ่งขายหนักหน่วงสุดท้าย SET INDEX ปิดตลาดที่ระดับ 1,620.28 จุด ลดลง -13.08 จุด ทำให้น้องใหม่ DTCENT ที่เข้าเทรดเมื่อวานนี้ก้อหนีไม่พ้น แม้ว่าเปิดตลาดจะยืนเหนือจองได้สำเร็จและทำได้ดีเกือบตลอดทั้งวัน แต่พอปลายๆ ตลาดหลังเวลา 16.00 น.ก้อโดนเลย!!! แต่โดยภาพรวมถือว่าดีนะมีหุ้นที่หมุนเทรดกันราวๆ 771 ล้านหุ้น มีการซื้อขายมากถึง 2.2 พันลบ.สูงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของตลาดหุ้นเมื่อวานนี้..สะท้อนว่าได้รับความสนใจซื้อขายจากนักลงทุนอย่างมากเลยล่ะ!!!
***ที่เจ๊อยากจะบอกคือ DTCENT คือหุ้นที่อยู่ในเมกะเทรนด์ เป็นธุรกิจของโลกยุคใหม่..ลงทุนวันนี้เพื่ออนาคตในวันหน้าไม่ผิดหวังแน่ๆ ยิ่งได้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปขยายธุรกิจเพื่อการเติบโต บริษัทมีศักยภาพ ตอนนี้มีโอกาสเข้ามาให้ก้าวเดินไปข้างหน้า เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด ถ้าไม่ลงทุนเก็บหุ้นตัวนี้เข้าพอร์ตเอาไว้ละก้อ..บอกได้แค่ว่า คุณพลาดแล้ว!!!
***นี่เป็นข้อความบางส่วนจากบิ๊กบอสของ DTCENT ที่ฝากถึงนักลงทุนและเจ๊อยากให้ทุกคนได้เห็น “ผมขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การต้อนรับหุ้น DTCENT อย่างอบอุ่น โดยทีมผู้บริหารและพนักงานให้คำมั่นว่า จะทำงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นคง ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ภายหลังที่เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าในการพัฒนาธุรกิจจัดจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์ติดตามรถ GPS Tracking, Mobile DVR และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ในรุ่นใหม่ๆ รวมถึงการออกแบบและพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่เป็นของตนเอง และพัฒนา IoT Solution และระบบ AI เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ ได้คิดค้นแพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการชุมชนเมือง (Smart City Solutions) ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเทศบาลในการบริหารจัดการส่วนท้องถิ่น โดยธุรกิจดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนการสร้างรายได้เพิ่ม ผลักดันการเติบโตก้าวเข้าสู่ New S-curve ได้ในอนาคต”
***พูดถึงเรื่อง กกพ. เปิดเผยรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติยื่นขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรวมปริมาณรับซื้อประมาณ 5,200 เมกะวัตต์ (แบ่งเป็น 1. ก๊าซชีวภาพ 335MW 2.พลังงานลม 1,500 MW 3. พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Battery storage) 1,000 MW 4. พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 2,368 MW) AMR หุ้นม้ามืดขวัญใจของเจ๊จิ๋ม เค้าก้อเข้ารอบนะจ๊ะเทอจ๋า (ยิ้มแก้มปริเลยเรา อิ-อิ) เพราะบริษัทย่อย " เทอราวัตต์ เอสพี" หรือ TSP ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ปริมาณ 70MW แบบนี้ถือเป็นสัญญาณดีมากๆๆๆ!!! มาเอาใจช่วยด้วยกันค่ะ เดือนมีนาคม 2566 ได้รู้กัน
***"ขุ่นพี่มารุต" นายใหญ่ของ AMR บอกว่านอกจากการลงทุนใน TSP แล้ว บริษัทฯ ยังขยายธุรกิจไปสู่ด้านพลังงานหมุนเวียน อาทิ MACharge ที่เป็นจักรยานไฟฟ้าพร้อมกับสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ และโซล่าลอยน้ำ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจัง และที่ผ่านมา AMRได้ปรับโมเดลธุรกิจใหม่ต่อยอดธุรกิจเดิมให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับธุรกิจ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ เจ๊จิ๋มขอปรบมือรัวๆๆๆ ให้เลยคร๊าาาาา
***ปิดท้ายสัปดาห์นี้กับข่าวดีของ IND แหม!!! เรียกว่า "เครื่องร้อน" จริงๆ ล่าสุดได้งานเพิ่มอีกแล้ววววว "รัฐวิชญ์ ณ ลำพูน" เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาจ้างวิศวกรที่ปรึกษา ศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างไทย-มาเลเซีย สายสตูลเปอร์ลิส จากกรมทางหลวง มูลค่าสัญญา 49.82 ล้านบาท ทำให้ตอนนี้มียอดสะสม Backlog เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,371.57 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2568 และจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ผลงานปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 20-25%