by.พูเมซ่า
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ดัชนียังผันผวนหลังจากหุ้นกลุ่มแบงก์ประกาศผลการดำเนินงานงวดQ4/65 ออกมาต่ำกว่าคาดหมายทำให้เกิดแรงเทขายออกมาอย่างหนัก ขณะที่บล.ทรีนีตี้ ระบุว่าปัจจัยที่น่าจับตาสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย การประชุม กนง. ของไทยในวันที่ 25 ม.ค. โดยคาดว่าจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 1.50% ได้ ซึ่งถือเป็นระดับ Natural rate ของไทยก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์โควิดปี 2020 ทั้งนี้ เรายังคงมุมมองเดิมว่า หลังจากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เสร็จ กนง. น่าจะกลับเข้าสู่โหมด Wait & See เพื่อรอดูทิศทางนโยบายการเงินของประเทศอื่นๆ ซึ่งหากกรณีที่ กนง. ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง คาดว่าเงินบาทและ Fund flow น่าจะตอบรับเชิงบวกได้อีกเล็กน้อย
ขณะที่รายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้าของไทยประจำเดือนธันวาคมในวันที่ 24 ม.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์หดตัวทั้งคู่ที่ระดับ 11% และ 8% ตามลำดับ แนะติดตามยอดการส่งออกไป 2 ประเทศสำคัญที่สุดทั้งสหรัฐฯและจีนว่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างหรือไม่ หากไม่คาดว่าจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ที่สำคัญของหุ้นกลุ่มส่งออกซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่แนะนำ Underweight ต่อไป
สำหรับการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในส่วนของหุ้นที่มีการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด อย่างหุ้นSUSCO หรือบริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) โดยณ วันที่ 13 ม.ค. 2566 พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย "ประยุทธ มหากิจศิริ"นักธุรกิจชื่อดังในนาม"เจ้าพ่อเนสกาแฟ" ล่าสุดไม่ปรากฎรายชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้นSUSCO จากเดิม ณ โครงสร้างผู้ถือหุ้นวันที่ 9 กันยายน 2565 ได้ถือหุ้นอยู่จำนวน 94,610,600 หุ้นคิดเป็น 8.60 % และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 รวมขณะที่ "อุษณา มหากิจศิริ" ก็ไม่ปรากฎรายชื่อเช่นกัน จากเดิมที่เคยถือหุ้น 42,500,000 หุ้นคิดเป็น 3.86% และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5
ทั้งนี้ หากพิจารณาในแบบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พบว่า มีรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน)ของ"ประยุทธ มหากิจศิริ" ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 0.3405% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 4.8242% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
ดังนั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรายชื่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุด น่าจะสะท้อนได้ว่า กลุ่มตระกูลมหากิจศิริ ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเกือบทั้งหมดแล้ว
หากย้อนไปในช่วงต้นปี 2565 จะพบว่า "ทวีฉัตร จุฬางกูร"เคยปรากฎการถือครองหุ้น SUSCO จำนวน 28,933,300 หุ้นคิดเป็น 2.63% ต่อมาก็ได้ทยอยลดสัดส่วนจนปัจจุบันก็ไม่ปรากกฎการถือครองหุ้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามการลดสัดส่วนของทั้งสองตระกูลดังในปี 2565 อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ โดยบริษัทฯกำลังมีการเปลี่ยนแปลงปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทย่อย ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของ SUSCO ณ วันที่ 13 ม.ค. 2566 ประกอบด้วย
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นSUSCO ในรอบปี 2565 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 24.07% จากราคา 3.24 บาท เพิ่มเป็น 4.02 บาท และเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 5.15 บาทต่อหุ้นในช่วงเดือนต.ค. 2565 และเป็นระดับราคาสูงสุดตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งกลุ่มมหากิจศิริได้เข้ามาปรากฎการถือครองหุ้นดังกล่าว
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ดัชนียังผันผวนหลังจากหุ้นกลุ่มแบงก์ประกาศผลการดำเนินงานงวดQ4/65 ออกมาต่ำกว่าคาดหมายทำให้เกิดแรงเทขายออกมาอย่างหนัก ขณะที่บล.ทรีนีตี้ ระบุว่าปัจจัยที่น่าจับตาสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย การประชุม กนง. ของไทยในวันที่ 25 ม.ค. โดยคาดว่าจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 1.50% ได้ ซึ่งถือเป็นระดับ Natural rate ของไทยก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์โควิดปี 2020 ทั้งนี้ เรายังคงมุมมองเดิมว่า หลังจากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เสร็จ กนง. น่าจะกลับเข้าสู่โหมด Wait & See เพื่อรอดูทิศทางนโยบายการเงินของประเทศอื่นๆ ซึ่งหากกรณีที่ กนง. ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง คาดว่าเงินบาทและ Fund flow น่าจะตอบรับเชิงบวกได้อีกเล็กน้อย
ขณะที่รายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้าของไทยประจำเดือนธันวาคมในวันที่ 24 ม.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์หดตัวทั้งคู่ที่ระดับ 11% และ 8% ตามลำดับ แนะติดตามยอดการส่งออกไป 2 ประเทศสำคัญที่สุดทั้งสหรัฐฯและจีนว่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างหรือไม่ หากไม่คาดว่าจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ที่สำคัญของหุ้นกลุ่มส่งออกซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่แนะนำ Underweight ต่อไป
สำหรับการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในส่วนของหุ้นที่มีการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด อย่างหุ้นSUSCO หรือบริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) โดยณ วันที่ 13 ม.ค. 2566 พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย "ประยุทธ มหากิจศิริ"นักธุรกิจชื่อดังในนาม"เจ้าพ่อเนสกาแฟ" ล่าสุดไม่ปรากฎรายชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้นSUSCO จากเดิม ณ โครงสร้างผู้ถือหุ้นวันที่ 9 กันยายน 2565 ได้ถือหุ้นอยู่จำนวน 94,610,600 หุ้นคิดเป็น 8.60 % และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 รวมขณะที่ "อุษณา มหากิจศิริ" ก็ไม่ปรากฎรายชื่อเช่นกัน จากเดิมที่เคยถือหุ้น 42,500,000 หุ้นคิดเป็น 3.86% และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5
ทั้งนี้ หากพิจารณาในแบบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พบว่า มีรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน)ของ"ประยุทธ มหากิจศิริ" ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 0.3405% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 4.8242% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
ดังนั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรายชื่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุด น่าจะสะท้อนได้ว่า กลุ่มตระกูลมหากิจศิริ ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเกือบทั้งหมดแล้ว
หากย้อนไปในช่วงต้นปี 2565 จะพบว่า "ทวีฉัตร จุฬางกูร"เคยปรากฎการถือครองหุ้น SUSCO จำนวน 28,933,300 หุ้นคิดเป็น 2.63% ต่อมาก็ได้ทยอยลดสัดส่วนจนปัจจุบันก็ไม่ปรากกฎการถือครองหุ้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามการลดสัดส่วนของทั้งสองตระกูลดังในปี 2565 อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ โดยบริษัทฯกำลังมีการเปลี่ยนแปลงปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทย่อย ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของ SUSCO ณ วันที่ 13 ม.ค. 2566 ประกอบด้วย
รายชื่อ | จำนวน(หุ้น) | % การถือครอง |
มงคล สิมะโรจน์ | 160,000,000 | 15.24 |
ไทยเอ็นวีดีอาร์ | 72,826,132 | 6.94 |
ซัสโก้ | 50,000,100 | 4.76 |
ภิมุข สิมะโรจน์ | 42,000,000 | 4.00 |
มาวีร์ สิมะโรจน์ | 35,000,000 | 3.33 |
พนัส รุ่งนพคุณศรี | 28,491,400 | 2.71 |
วิบูลย์ ผาณิตวงศ์ | 20,568,600 | 1.96 |
พงศธร ฉัตรนะรัชต์ | 18,000,000 | 1.71 |
วีรินทร์ สิมะโรจน์ | 15,000,000 | 1.43 |
อัมรินทร์ สิมะโรจน์ | 12,110,000 | 1.15 |
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นSUSCO ในรอบปี 2565 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 24.07% จากราคา 3.24 บาท เพิ่มเป็น 4.02 บาท และเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 5.15 บาทต่อหุ้นในช่วงเดือนต.ค. 2565 และเป็นระดับราคาสูงสุดตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งกลุ่มมหากิจศิริได้เข้ามาปรากฎการถือครองหุ้นดังกล่าว