“โฮมโปร” ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2565 ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 จำนวน 0.38 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 4,997.46 ล้านบาท หลังบริษัทมีกำไรสุทธิ 6,217.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 776.57 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานหุ้นละ 0.47 บาท โดยวันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 65,184.74 ล้านบาท หนี้สินรวม 40,938.86 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 24,245.88 ล้านบาท
นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยผลการดำเนินงานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัทฯ ว่า ในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 69,389.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,463.64 ล้านบาท หรือ 8.55% ซึ่งเป็นรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้าประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 65,090.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,522.97 ล้านบาท หรือ 7.47% ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับมาเปิดให้บริการทุกสาขา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีฐานเปรียบเทียบต่ำกว่า โดยมีการปิดสาขาบางสาขาตามมาตรการล็อกดาวน์ของทางภาครัฐในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 รวมถึงได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการผลักดันยอดขายตลอดทั้งปีโดยมีการจัดงาน HomePro Super Expo ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ และทางออนไลน์ รวมถึงงาน HomePro Expo และ HomePro Electric Expo ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี HomePro Living Expo ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และกิจกรรม Double Day ในช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าให้กับลูกค้าจากช่องทางการซื้อสินค้า และบริการที่หลากหลายขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่า จำนวน 1,720.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 497.43 ล้านบาท หรือ 40.67% เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าจากพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปร และศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีการปิดพื้นที่ให้เช่าตามมาตรการล็อกดาวน์ของทางภาครัฐ จึงมีการลดค่าเช่าเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาให้แก่ธุรกิจพื้นที่เช่า รวมถึงการรับรู้รายได้ค่าเช่าจากพื้นที่เช่าในโฮมโปรสาขาใหม่ที่บางนา กม.1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564
และบริษัทฯ มีรายได้อื่น จำนวน 2,577.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 443.24 ล้านบาท หรือ 20.76% โดยเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าในช่องทางการจำหน่ายที่สาขา รวมถึงช่องทางจำหน่ายออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น
นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 จำนวน 6,217.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 776.57 ล้านบาท หรือ 14.27 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานหุ้นละ 0.47 บาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 65,184.74 ล้านบาท หนี้สินรวม 40,938.86 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 24,245.88 ล้านบาท
“สำหรับมติคณะกรรมการได้มีการพิจารณาอนุมัติจ่ายปันผล ดังนี้ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 8/2565 ได้อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0. 17 บาท เป็นจำนวนเงิน 2,235.71 ล้านบาท และสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2565 (กรกฎาคม 2565 - ธันวาคม 2565) ตามงบเฉพาะกิจการ คณะกรรมการได้อนุมัติให้นำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 2,761.76 ล้านบาท รวมเป็นการจ่ายปันผลเป็นเงินสดทั้งปีเท่ากับอัตราหุ้นละ 0.38 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,997.46 ล้านบาท หรือคิดอัตราการจ่ายเงินปันผลรวมประมาณ 82.99 ของกำไรสุทธิตามงบเฉพาะกิจการอีกด้วย” นายวีรพันธ์ กล่าวสรุปในตอนท้าย
นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยผลการดำเนินงานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัทฯ ว่า ในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 69,389.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,463.64 ล้านบาท หรือ 8.55% ซึ่งเป็นรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้าประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 65,090.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,522.97 ล้านบาท หรือ 7.47% ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับมาเปิดให้บริการทุกสาขา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีฐานเปรียบเทียบต่ำกว่า โดยมีการปิดสาขาบางสาขาตามมาตรการล็อกดาวน์ของทางภาครัฐในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 รวมถึงได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการผลักดันยอดขายตลอดทั้งปีโดยมีการจัดงาน HomePro Super Expo ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ และทางออนไลน์ รวมถึงงาน HomePro Expo และ HomePro Electric Expo ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี HomePro Living Expo ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และกิจกรรม Double Day ในช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าให้กับลูกค้าจากช่องทางการซื้อสินค้า และบริการที่หลากหลายขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่า จำนวน 1,720.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 497.43 ล้านบาท หรือ 40.67% เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าจากพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปร และศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีการปิดพื้นที่ให้เช่าตามมาตรการล็อกดาวน์ของทางภาครัฐ จึงมีการลดค่าเช่าเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาให้แก่ธุรกิจพื้นที่เช่า รวมถึงการรับรู้รายได้ค่าเช่าจากพื้นที่เช่าในโฮมโปรสาขาใหม่ที่บางนา กม.1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564
และบริษัทฯ มีรายได้อื่น จำนวน 2,577.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 443.24 ล้านบาท หรือ 20.76% โดยเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าในช่องทางการจำหน่ายที่สาขา รวมถึงช่องทางจำหน่ายออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น
นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 จำนวน 6,217.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 776.57 ล้านบาท หรือ 14.27 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานหุ้นละ 0.47 บาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 65,184.74 ล้านบาท หนี้สินรวม 40,938.86 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 24,245.88 ล้านบาท
“สำหรับมติคณะกรรมการได้มีการพิจารณาอนุมัติจ่ายปันผล ดังนี้ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 8/2565 ได้อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0. 17 บาท เป็นจำนวนเงิน 2,235.71 ล้านบาท และสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2565 (กรกฎาคม 2565 - ธันวาคม 2565) ตามงบเฉพาะกิจการ คณะกรรมการได้อนุมัติให้นำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 2,761.76 ล้านบาท รวมเป็นการจ่ายปันผลเป็นเงินสดทั้งปีเท่ากับอัตราหุ้นละ 0.38 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,997.46 ล้านบาท หรือคิดอัตราการจ่ายเงินปันผลรวมประมาณ 82.99 ของกำไรสุทธิตามงบเฉพาะกิจการอีกด้วย” นายวีรพันธ์ กล่าวสรุปในตอนท้าย