จับประเด็นหุ้นเด่น
สัมภาษณ์พิเศษ : PJW พร้อมลุยธุรกิจ “Auto Parts-Medical” ตั้งเป้าผู้นำ Medical Plastic ในไทย
12 เมษายน 2566
การย้ายเข้ามาซื้อขายใน SET ของ บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) จะสร้างโอกาสและการเติบโตให้กับบริษัทได้อย่างไร และเป้าหมายของบริษัทปีนี้จะเป็นอย่างไร เราไปติดตาการสัมภาษณ์นี้กับ “วิวรรธน์ เหมมณฑารพ”ประธานกรรมการบริหาร PJW
ภาพรวมธุรกิจของบริษัท
บริษัทมีธุรกิจ 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องมีสัดส่วน 50% ผลิตภัณฑ์ขวดนม นมเปรี้ยวมีสัดส่วน 15% Packing Consumer Product ประมาณ 5% บรรจุภัณฑ์รวมกันประมาณ 70% และที่เมืองจีนมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 10%
การย้ายเข้าซื้อขายในตลาด SET
เราเตรียมตัวมา 2-3 ปีแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่เข้ามากระทบ ทำให้ต้องเลื่อนย้ายตลาด ซึ่งการย้ายตลาดจะส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัท โดย 1. จากการหารือกับพันธมิตร ได้แนะนำให้ย้ายตลาดฯ เพราะจะทำให้มีโอกาสมากขึ้น ทั้งในเชิงของการต้อนรับนักลงทุนจากกองทุนต่างประเทศ และ 2. จะส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจของบริษัทไปในต่างประเทศ
แผนการลงทุนในอนาคต
บริษัทยังโฟกัส Auto Part ซึ่งรถพลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ขยายตัวดีขึ้น จะเป็นโอกาสให้กับบริษัท เพราะแม้จะเป็นรถ EV แต่ชิ้นส่วนของรถยนต์ส่วนใหญ่ ยังเป็นพลาสติก เช่น กันชน แอร์ และชิ้นส่วนตกแต่งภายในของรถยนต์ ดังนั้นการเติบโตของ EV จะสนับสนุนการเติบโตของ PJW ด้วยเช่นกัน
กลุ่มที่ 2 ได้แก่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ไซริงค์ ช่วงแรกจะเน้นการนำเข้าจากประเทศจีน แล้วขอ อย.ก่อน เพื่อสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ ซึ่งในกลุ่มของ Medical มีสินค้าหลายตัว คาดว่าภายใน 2 ปี สินค้ากลุ่มนี้จะขายไปในภูมิภาคอาเซียนด้วย เพราะตลาดมีขนาดใหญ่มากประชากรมากถึง 600 ล้านคน และบริษัทมั่นใจว่าสินค้านี้จะแข่งขันกับบริษัทในยุโรปได้ และจะส่งกลับไปขายในยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย อนาคตมีแผนจะคุยกับผู้จัดจำหน่ายที่เป็น Global Company ที่มีเครือข่ายทั่วโลก
ซึ่งแผนการจัดจำหน่าย บริษัทจะใช้เวลาในปี 2567 ทั้งปีขายในประเทศไทยก่อน จนได้รับการยอมรับ ปี 2568 จะขายในอาเซียน และ ปี 2569-2570 จะขายไปทั่วโลก นอกจากนี้ปี 2567 ยังมีสินค้าใหม่ออกเพิ่มขึ้นอีก ทำให้การย้ายหุ้นมาซื้อขายในตลาด SET สอดคล้องกับ Vision ของบริษัท
งบลงทุน
ลงทุนปลายปีนี้ จะสร้างคลังเพิ่ม เพราะกลุ่ม Auto part จะโตประมาณ 10% ใช้เงิน 100-200 ล้านบาท กลุ่ม Medical การลงทุนปีนี้ไม่มาก น่าจะประมาณ 30-50 ล้านบาท แต่ครึ่งปีหลังปี 2567 จะเพิ่มขึ้นมาก
ภาพรวมGP ของบริษัทจะมากกว่า 18-20% เพราะกลุ่มMedical มี GP ประมาณ 25%
ปีนี้กลุ่มไหนที่เป็นตัวสร้างรายได้ให้บริษัท
ในปีนี้ยังคงเป็นกลุ่มสินค้าเดิม Auto Part โตมาก ตามด้วย Packing จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สินค้าบริษัทขายได้มากขึ้น โรงงานในประเทศจีนปีนี้ก็จะทำกำไรได้มากขึ้น ไม่ขาดทุนเหมือนที่ผ่านมา ส่วนกลุ่ม Medical จะสร้างรายได้ให้ในช่วงไตรมาส 4
การบริหารต้นทุน
ด้านราคา เราปรับราคากับลูกค้าตามต้นทุน ส่วนค่าไฟเดิมเรามีความกังวลเรื่องราคามาก แต่ตอนนี้เชื่อว่า ราคาน่าจะปรับลดลงได้ต่อเนื่อง และคิดว่าปีหน้าจะต่ำกว่า 4 บาท
ฝากถึงนักลงทุน
ธุรกิจของบริษัททั้ง 4 กลุ่ม ปัจจุบันกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น ส่วนปัจจัยลบ ตอนนี้ยังมองไม่เห็น ความผันผวนอยู่ในการควบคุมได้ ไม่มีสิ่งที่ต้องกังวล เชื่อว่าภายใน 5 ปี กลุ่ม Auto จะโต 100% ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท จากยอดขายรวมของบริษัทกว่า 3,000 ล้านบาท
ส่วนกลุ่ม Medical เป็นตัวใหม่ เราตั้งเป้าที่จะให้สัดส่วนการขายในประเทศอยู่ที่ 30-40 % และที่เหลือเป็นการส่งออกไปต่างประเทศ เพราะในอาเซียนมีตลาดที่ใหญ่กว่าในประเทศถึง 10 เท่าตัว และยังไม่รวมถึง Product ที่ออกมาจะเป็นสินค้าที่เป็น Global เป็นสินค้าที่ขายได้ทั้งโลก ไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศไทย มั่นใจว่าต่อจากนี้ไปโมเมนตัมจะเปลี่ยนไป จะเน้นไฮแวลลู ไฮมาร์เก็ต
วางตัวเองเป็นผู้นำ การทำ Medical Plastic ในประเทศไทย และเป็นรายใหญ่ในอาเซียน วันนี้ประเทศไทยใช้เยอะมาก โดยเป็นการนำเข้ามากถึง 90% ทำเองในประเทศน้อยมาก
มองรายได้ในอนาคตอย่างไร
รายได้ปีนี้ไม่น้อยกว่าปี 2564 และอาจมีอัพไซค์บางส่วน และปี 2567 ก็จะเติบโตมากขึ้น โดยธุรกิจทุกประเภทของบริษัท ทั้งธุรกิจซักผ้า คิดว่าปีนี้ไม่ขาดทุนแล้ว และอาจมีกำไร ต้องต้องติดตามในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งธุรกิจในเมืองจีน โรงพ่นสี ที่ปีนี้จะมีกำไรเข้ามามากขึ้น
ภาพรวมธุรกิจของบริษัท
บริษัทมีธุรกิจ 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องมีสัดส่วน 50% ผลิตภัณฑ์ขวดนม นมเปรี้ยวมีสัดส่วน 15% Packing Consumer Product ประมาณ 5% บรรจุภัณฑ์รวมกันประมาณ 70% และที่เมืองจีนมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 10%
การย้ายเข้าซื้อขายในตลาด SET
เราเตรียมตัวมา 2-3 ปีแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่เข้ามากระทบ ทำให้ต้องเลื่อนย้ายตลาด ซึ่งการย้ายตลาดจะส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัท โดย 1. จากการหารือกับพันธมิตร ได้แนะนำให้ย้ายตลาดฯ เพราะจะทำให้มีโอกาสมากขึ้น ทั้งในเชิงของการต้อนรับนักลงทุนจากกองทุนต่างประเทศ และ 2. จะส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจของบริษัทไปในต่างประเทศ
แผนการลงทุนในอนาคต
บริษัทยังโฟกัส Auto Part ซึ่งรถพลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ขยายตัวดีขึ้น จะเป็นโอกาสให้กับบริษัท เพราะแม้จะเป็นรถ EV แต่ชิ้นส่วนของรถยนต์ส่วนใหญ่ ยังเป็นพลาสติก เช่น กันชน แอร์ และชิ้นส่วนตกแต่งภายในของรถยนต์ ดังนั้นการเติบโตของ EV จะสนับสนุนการเติบโตของ PJW ด้วยเช่นกัน
กลุ่มที่ 2 ได้แก่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ไซริงค์ ช่วงแรกจะเน้นการนำเข้าจากประเทศจีน แล้วขอ อย.ก่อน เพื่อสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ ซึ่งในกลุ่มของ Medical มีสินค้าหลายตัว คาดว่าภายใน 2 ปี สินค้ากลุ่มนี้จะขายไปในภูมิภาคอาเซียนด้วย เพราะตลาดมีขนาดใหญ่มากประชากรมากถึง 600 ล้านคน และบริษัทมั่นใจว่าสินค้านี้จะแข่งขันกับบริษัทในยุโรปได้ และจะส่งกลับไปขายในยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย อนาคตมีแผนจะคุยกับผู้จัดจำหน่ายที่เป็น Global Company ที่มีเครือข่ายทั่วโลก
ซึ่งแผนการจัดจำหน่าย บริษัทจะใช้เวลาในปี 2567 ทั้งปีขายในประเทศไทยก่อน จนได้รับการยอมรับ ปี 2568 จะขายในอาเซียน และ ปี 2569-2570 จะขายไปทั่วโลก นอกจากนี้ปี 2567 ยังมีสินค้าใหม่ออกเพิ่มขึ้นอีก ทำให้การย้ายหุ้นมาซื้อขายในตลาด SET สอดคล้องกับ Vision ของบริษัท
งบลงทุน
ลงทุนปลายปีนี้ จะสร้างคลังเพิ่ม เพราะกลุ่ม Auto part จะโตประมาณ 10% ใช้เงิน 100-200 ล้านบาท กลุ่ม Medical การลงทุนปีนี้ไม่มาก น่าจะประมาณ 30-50 ล้านบาท แต่ครึ่งปีหลังปี 2567 จะเพิ่มขึ้นมาก
ภาพรวมGP ของบริษัทจะมากกว่า 18-20% เพราะกลุ่มMedical มี GP ประมาณ 25%
ปีนี้กลุ่มไหนที่เป็นตัวสร้างรายได้ให้บริษัท
ในปีนี้ยังคงเป็นกลุ่มสินค้าเดิม Auto Part โตมาก ตามด้วย Packing จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สินค้าบริษัทขายได้มากขึ้น โรงงานในประเทศจีนปีนี้ก็จะทำกำไรได้มากขึ้น ไม่ขาดทุนเหมือนที่ผ่านมา ส่วนกลุ่ม Medical จะสร้างรายได้ให้ในช่วงไตรมาส 4
การบริหารต้นทุน
ด้านราคา เราปรับราคากับลูกค้าตามต้นทุน ส่วนค่าไฟเดิมเรามีความกังวลเรื่องราคามาก แต่ตอนนี้เชื่อว่า ราคาน่าจะปรับลดลงได้ต่อเนื่อง และคิดว่าปีหน้าจะต่ำกว่า 4 บาท
ฝากถึงนักลงทุน
ธุรกิจของบริษัททั้ง 4 กลุ่ม ปัจจุบันกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น ส่วนปัจจัยลบ ตอนนี้ยังมองไม่เห็น ความผันผวนอยู่ในการควบคุมได้ ไม่มีสิ่งที่ต้องกังวล เชื่อว่าภายใน 5 ปี กลุ่ม Auto จะโต 100% ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท จากยอดขายรวมของบริษัทกว่า 3,000 ล้านบาท
ส่วนกลุ่ม Medical เป็นตัวใหม่ เราตั้งเป้าที่จะให้สัดส่วนการขายในประเทศอยู่ที่ 30-40 % และที่เหลือเป็นการส่งออกไปต่างประเทศ เพราะในอาเซียนมีตลาดที่ใหญ่กว่าในประเทศถึง 10 เท่าตัว และยังไม่รวมถึง Product ที่ออกมาจะเป็นสินค้าที่เป็น Global เป็นสินค้าที่ขายได้ทั้งโลก ไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศไทย มั่นใจว่าต่อจากนี้ไปโมเมนตัมจะเปลี่ยนไป จะเน้นไฮแวลลู ไฮมาร์เก็ต
วางตัวเองเป็นผู้นำ การทำ Medical Plastic ในประเทศไทย และเป็นรายใหญ่ในอาเซียน วันนี้ประเทศไทยใช้เยอะมาก โดยเป็นการนำเข้ามากถึง 90% ทำเองในประเทศน้อยมาก
มองรายได้ในอนาคตอย่างไร
รายได้ปีนี้ไม่น้อยกว่าปี 2564 และอาจมีอัพไซค์บางส่วน และปี 2567 ก็จะเติบโตมากขึ้น โดยธุรกิจทุกประเภทของบริษัท ทั้งธุรกิจซักผ้า คิดว่าปีนี้ไม่ขาดทุนแล้ว และอาจมีกำไร ต้องต้องติดตามในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งธุรกิจในเมืองจีน โรงพ่นสี ที่ปีนี้จะมีกำไรเข้ามามากขึ้น