จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : เดินทางท่องเที่ยวบูม กระตุ้นยอดขาย “Oil - Non Oil” PTG
17 เมษายน 2566
สงกรานต์ปี 2566 เป็นปีที่การเดินทางกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด 19 ซึ่งสนับสนุนการเติบโตของยอดขายน้ำมันและธุรกิจ Non-Oil บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG)
เทศกาลสงกรานต์ปี2566 กระทรวงคมนาคมได้คาดการณ์ว่า จะมีการเดินทางทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ รวม 5.3 ล้านคน-เที่ยว ซึ่งจะสูงกว่าการเดินทางขากลับในปี พ.ศ. 2562 (ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19) กว่าร้อยละ 20 กระทรวงฯได้เตรียมความพร้อมระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถโดยสาร รถไฟ เรือ เครื่องบิน รวมกว่า 21,000 เที่ยว รองรับการเดินทางของประชาชนจำนวน 9.8 แสนคน ประกอบด้วย รถโดยสาร 17,093 เที่ยว รถไฟ 477 ขบวน เครื่องบินภายในประเทศ 1,226 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2,189 เที่ยวบิน
ขณะที่นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 66 คาดว่า จะมีเม็ดเงินสะพัด 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.3% โดยจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตเพิ่มขึ้นอีก 0.5-0.7% จากประมาณการเดิม
ซึ่งการเดินทางที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อยอดขายน้ำมันของบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ระบุว่า แผนการดำเนินงานปี66 บริษัทตั้งเป้า EBITDA เติบโตขึ้น 8-12% จากปี65 อีกทั้งตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโตขึ้น 8-12% จากปี65 เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายการเติบโตของยอดขายในแต่ละสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น 25% โดยบริษัทได้มุ่งขยายธุรกิจ Service master (Max Card) ตั้งเป้าในปี66 จะมีสมาชิกเพิ่มถึง 21 ล้านสมาชิก จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 19 ล้านสมาชิก
ส่วนธุรกิจ Non-Oil บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นที่ 20-30% ของกำไรขั้นต้นรวม ส่วนธุรกิจก๊าซ LPG มองว่าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซจะแตะระดับ 40-60% เนื่องจากมองว่าธุรกิจ LPG ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้สถานีบริการน้ำมันในปี66 บริษัทตั้งเป้าขยายถึง 2,206 สาขา และในส่วนของกาแฟพันธ์ไทย บริษัทมีตั้งเป้าขยายสาขาทั้งในและนอกสถานี 1,500 สาขา จากปี65 มีอยู่ที่ 511 สาขา ซึ่งจะเน้นการขยายสาขาในย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อ ทั้งในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล เมืองท่องเที่ยว เป็นต้น
ส่วนบล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ PTG โดยเบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1/66 ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 150-200 ล้านบาท จาก
1.ค่าการตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 1.70-1.80 บาท/ลิตร หลังจากกองทุนน้ำมันฯเริ่มทยอยปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับน้ำมันดีเซลตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่เห็นชอบให้ปรับค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลับสู่ระดับปกติ
2. การเติบโตของธุรกิจ LPG ตามการฟื้นตัวของระดับการบริโภคในประเทศ ผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัว
3. การฟื้นตัวของส่วนแบ่งกาไรจากธุรกิจ Palm Complex ตามอุปสงค์การใช้น้ำมันไบโอดีเซลที่ฟื้นตัว ผลจากการปรับสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7
บริษัทจึงคงประมาณการปี 66 ที่ 1,500 ล้านบาท (+62% YoY) อีกทั้งในระยะกลาง PTG มีประเด็นการเก็งกำไรเฉพาะตัวคือ การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะชุมชนและการนำธุรกิจ Palm Complex และ LPG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (คาดมีความชัดเจนภายในปี 66)
เทศกาลสงกรานต์ปี2566 กระทรวงคมนาคมได้คาดการณ์ว่า จะมีการเดินทางทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ รวม 5.3 ล้านคน-เที่ยว ซึ่งจะสูงกว่าการเดินทางขากลับในปี พ.ศ. 2562 (ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19) กว่าร้อยละ 20 กระทรวงฯได้เตรียมความพร้อมระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถโดยสาร รถไฟ เรือ เครื่องบิน รวมกว่า 21,000 เที่ยว รองรับการเดินทางของประชาชนจำนวน 9.8 แสนคน ประกอบด้วย รถโดยสาร 17,093 เที่ยว รถไฟ 477 ขบวน เครื่องบินภายในประเทศ 1,226 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2,189 เที่ยวบิน
ขณะที่นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 66 คาดว่า จะมีเม็ดเงินสะพัด 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.3% โดยจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตเพิ่มขึ้นอีก 0.5-0.7% จากประมาณการเดิม
ซึ่งการเดินทางที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อยอดขายน้ำมันของบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ระบุว่า แผนการดำเนินงานปี66 บริษัทตั้งเป้า EBITDA เติบโตขึ้น 8-12% จากปี65 อีกทั้งตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโตขึ้น 8-12% จากปี65 เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายการเติบโตของยอดขายในแต่ละสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น 25% โดยบริษัทได้มุ่งขยายธุรกิจ Service master (Max Card) ตั้งเป้าในปี66 จะมีสมาชิกเพิ่มถึง 21 ล้านสมาชิก จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 19 ล้านสมาชิก
ส่วนธุรกิจ Non-Oil บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นที่ 20-30% ของกำไรขั้นต้นรวม ส่วนธุรกิจก๊าซ LPG มองว่าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซจะแตะระดับ 40-60% เนื่องจากมองว่าธุรกิจ LPG ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้สถานีบริการน้ำมันในปี66 บริษัทตั้งเป้าขยายถึง 2,206 สาขา และในส่วนของกาแฟพันธ์ไทย บริษัทมีตั้งเป้าขยายสาขาทั้งในและนอกสถานี 1,500 สาขา จากปี65 มีอยู่ที่ 511 สาขา ซึ่งจะเน้นการขยายสาขาในย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อ ทั้งในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล เมืองท่องเที่ยว เป็นต้น
ส่วนบล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ PTG โดยเบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1/66 ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 150-200 ล้านบาท จาก
1.ค่าการตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 1.70-1.80 บาท/ลิตร หลังจากกองทุนน้ำมันฯเริ่มทยอยปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับน้ำมันดีเซลตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่เห็นชอบให้ปรับค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลับสู่ระดับปกติ
2. การเติบโตของธุรกิจ LPG ตามการฟื้นตัวของระดับการบริโภคในประเทศ ผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัว
3. การฟื้นตัวของส่วนแบ่งกาไรจากธุรกิจ Palm Complex ตามอุปสงค์การใช้น้ำมันไบโอดีเซลที่ฟื้นตัว ผลจากการปรับสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7
บริษัทจึงคงประมาณการปี 66 ที่ 1,500 ล้านบาท (+62% YoY) อีกทั้งในระยะกลาง PTG มีประเด็นการเก็งกำไรเฉพาะตัวคือ การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะชุมชนและการนำธุรกิจ Palm Complex และ LPG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (คาดมีความชัดเจนภายในปี 66)