จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : โอกาสดี....ทางเลือกนักลงทุน หุ้นกู้ SA ดบ.6.5% CEO มั่นใจจ่ายดบ.ครบ
19 เมษายน 2566
การระดมทุนผ่านหุ้นกู้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของนักลงทุน โดยเฉพาะช่วงที่ดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ ซึ่งหุ้นกู้ บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) มีจุดแข็งจากอายุไม่ยาวนานแค่ 1 ปี 3 เดือน แต่ให้อัตราผลตอบแทนสูงถึง 6.5% เหมาะกับยุคดอกเบี้ยขาขึ้น และบริษัทมั่นใจมีรายได้จากโครงการ Landmark @MRTA พระราม 9 มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท รองรับการจ่ายดอกเบี้ยให้นักลงทุน
การลงทุนในหุ้นกู้ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากหุ้นกู้มักเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยในสถาบันการเงินต่างๆจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นการปรับเพียงเล็กน้อย
สอดคล้องกับมุมมองของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อความสนใจของนักลงทุนสถาบันบางราย แต่ความต้องการจากนักลงทุนในกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ และนักลงทุนรายย่อยยังคงมีอยู่ในระดับสูง การระดมทุนจากประชาชนทั่วไปมีแนวโน้มมากขึ้น ช่วยให้ผู้ออกตราสารสามารถขยายการจำหน่ายตราสารหนี้ไปยังกลุ่มนักลงทุนรายย่อยได้มากยิ่งขึ้น
ทริสฯมองว่า ความสนใจของธุรกิจภาคเอกชนในการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศน่าจะยังคงมีอยู่ระดับสูงในปี 66 ขณะที่ความต้องการในการลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ฟื้นตัวและการเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยโดยผ่านการระดมทุนจากประชาชนทั่วไปนั้น สะท้อนให้เห็นว่าตลาดตราสารหนี้เงินบาทน่าจะยังคงมีสภาพคล่องที่สูงตลอดทั้งปี 66
ซึ่งจากการสำรวจดอกเบี้ยเงินฝากประจำของระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยทั้ง 15 แห่ง ณ วันที่ 3 เม.ย. 2566 พบว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน จะอยู่ที่ประมาณ 0.6-1.25% เท่านั้น เมื่อเทียบกับหุ้นกู้ของ บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) ที่เตรียมออกหุ้นกู้ อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราผลตอบแทน 6.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยคาดว่าจะเปิดจองในช่วง 25 – 27 เมษายน 2566 นี้
โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” ระบุวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเงินไปใช้สำหรับ ชำระคืนหุ้นกู้รุ่น SASST235A และเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ โดยเฉพาะโครงการ Landmark @MRTA พระราม 9 ซึ่งเป็นโครงการใหญ่มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้างคาดว่าแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2566 พร้อมสำหรับการทยอยโอนมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทภายในปีนี้
ทั้งนี้ CEO ยังย้ำว่า หุ้นกู้ SA ทุกรุ่นที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถจ่ายอัตราดอกเบี้ยได้ครบถ้วน และตรงตามกำหนดทุกรุ่น ขณะเดียวกันเงินที่ได้รับจากการระดมทุนทุกครั้งได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถบริหารสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพในการรุกขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 50-50 พร้อมกับมีแผนการขยายฐานรายได้จากธุรกิจอื่นๆ อย่างชัดเจน เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ SA สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ผู้จัดจำหน่าย 9 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด , บริษัท หลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
การลงทุนในหุ้นกู้ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากหุ้นกู้มักเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยในสถาบันการเงินต่างๆจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นการปรับเพียงเล็กน้อย
สอดคล้องกับมุมมองของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อความสนใจของนักลงทุนสถาบันบางราย แต่ความต้องการจากนักลงทุนในกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ และนักลงทุนรายย่อยยังคงมีอยู่ในระดับสูง การระดมทุนจากประชาชนทั่วไปมีแนวโน้มมากขึ้น ช่วยให้ผู้ออกตราสารสามารถขยายการจำหน่ายตราสารหนี้ไปยังกลุ่มนักลงทุนรายย่อยได้มากยิ่งขึ้น
ทริสฯมองว่า ความสนใจของธุรกิจภาคเอกชนในการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศน่าจะยังคงมีอยู่ระดับสูงในปี 66 ขณะที่ความต้องการในการลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ฟื้นตัวและการเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยโดยผ่านการระดมทุนจากประชาชนทั่วไปนั้น สะท้อนให้เห็นว่าตลาดตราสารหนี้เงินบาทน่าจะยังคงมีสภาพคล่องที่สูงตลอดทั้งปี 66
ซึ่งจากการสำรวจดอกเบี้ยเงินฝากประจำของระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยทั้ง 15 แห่ง ณ วันที่ 3 เม.ย. 2566 พบว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน จะอยู่ที่ประมาณ 0.6-1.25% เท่านั้น เมื่อเทียบกับหุ้นกู้ของ บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) ที่เตรียมออกหุ้นกู้ อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราผลตอบแทน 6.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยคาดว่าจะเปิดจองในช่วง 25 – 27 เมษายน 2566 นี้
โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” ระบุวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเงินไปใช้สำหรับ ชำระคืนหุ้นกู้รุ่น SASST235A และเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ โดยเฉพาะโครงการ Landmark @MRTA พระราม 9 ซึ่งเป็นโครงการใหญ่มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้างคาดว่าแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2566 พร้อมสำหรับการทยอยโอนมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทภายในปีนี้
ทั้งนี้ CEO ยังย้ำว่า หุ้นกู้ SA ทุกรุ่นที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถจ่ายอัตราดอกเบี้ยได้ครบถ้วน และตรงตามกำหนดทุกรุ่น ขณะเดียวกันเงินที่ได้รับจากการระดมทุนทุกครั้งได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถบริหารสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพในการรุกขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 50-50 พร้อมกับมีแผนการขยายฐานรายได้จากธุรกิจอื่นๆ อย่างชัดเจน เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ SA สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ผู้จัดจำหน่าย 9 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด , บริษัท หลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)