จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : แจ้งเกิดรถเมล์ EV แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 หนุนผลงาน NEX โตแข็งแกร่ง
21 เมษายน 2566
บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) เตรียมรับอานิสงส์ หลังสภากทม. ไฟเขียวหนุนเปลี่ยนรถเมล์ใช้พลังงานไฟฟ้า ตั้งเป้า 7 ปี เปลี่ยนครบทุกคัน และยังจับมือพันธมิตรวิจัย และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ คาดทดลองใช้งานปลายปี 66 นี้
![รายงานพิเศษ แจ้งเกิดรถเมล์ EV แก้ปัญหาฝุ่น PM.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/April/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%20%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C%20EV%20%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%20PM.jpg)
ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในปีนี้รุนแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นสภากรุงเทพมหานคร จึงได้เห็นชอบหลัก สนับสนุนให้รถเมล์ใหม่ในกรุงเทพทุกคันต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV) และภายใน 7 ปี รถเมล์ในกรุงเทพต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้าทั้งหมด
เนื่องจากฝุ่นในกทม.เกิดจากยานพาหนะ 60% และ 90% ของไอเสียจากรถคือ ฝุ่นละออง PM 2.5 ดังนั้นเพื่อควบคุมปริมาณมลพิษที่ออกจากรถยนต์ ไม่ให้เกินเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อประชาชน จึงเห็นควรมีมาตรการกำหนดให้รถโดยสารประจำทาง ปรับปรุงเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ไม่ส่งผลกระทบต่อมลภาวะทางอากาศ และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาทางเทคโนโลยีของรถยนต์ทั่วโลก
ซึ่งภายหลังจากที่กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา กทม. จะมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 1 ปี ถ้าพ้นจาก 1 ปีไปแล้ว นอกจากรถเมล์ที่ยังมีสัมปทานเดินรถ รถเมล์ไฟฟ้าเท่านั้นที่จะสามารถเดินทางสัญจรได้ในพื้นที่ กทม.
นโยบายดังกล่าวของกทม.ส่งผลดีต่อธุรกิจและผลการดำเนินงานของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญเรื่องการผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารวมถึง ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ ตลอดจนการรองรับบริการหลังการขาย ซึ่ง “นาวิน เสนาะดนตรี” รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 1/66 ยังมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าอีกหลายราย และมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้กับพันธมิตรเพิ่มขึ้น มั่นใจสนับสนุนรายได้-กำไรปีนี้ทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทฯ มีความพร้อมเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง ซึ่งปัจจุบันโรงประกอบรถไฟฟ้ามีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 9,000 คันต่อปี และบริษัทพร้อมที่จะพิจารณาขยายกำลังการผลิตที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้รถอีวี
นอกจากนี้บริษัทฯ คาดว่าในปี 66 จะสามารถส่งมอบรถไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถตู้ไฟฟ้า, รถกระบะไฟฟ้า และรถโดยสารไฟฟ้า รวมไปถึงรถหัวลากไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้รวมเติบโตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทำการวิจัย และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติกับ 4 หน่วยงานพันธมิตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) บริษัท พนัสแอสเซมบลีย์ จำกัด และบริษัท เจ็นเซิฟ จำกัด “คมสหัสภพ นุตยกุล” กรรมการ NEX ระบุว่า โครงการดังกล่าวจะมีการพัฒนารถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบ อย่างน้อยระดับที่ 3 มีขนาดไม่น้อยกว่า 20 ที่นั่ง
สื่อสารร่วมกับโมบายแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยี 5G ระหว่างรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับประชาชน และนักท่องเที่ยว ในเขตโบราณสถาน เป็นการศึกษาทดลองการใช้งานรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบที่วิ่งร่วมกับรถทั่วไปในท้องถนนจริง โดยทดสอบการนำเอาระบบสื่อสารภายใต้โครงข่าย 5G มาใช้งานระหว่างรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับระบบอื่นๆ ในรูปแบบการติดต่อสื่อสาร C-V2X (Cellular-Vehicle-to-Everything) เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด โดยคาดว่าจะเริ่มทดสอบใช้งานได้ในช่วงปลายปีนี้
![รายงานพิเศษ แจ้งเกิดรถเมล์ EV แก้ปัญหาฝุ่น PM.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/April/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%20%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C%20EV%20%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%20PM.jpg)
ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในปีนี้รุนแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นสภากรุงเทพมหานคร จึงได้เห็นชอบหลัก สนับสนุนให้รถเมล์ใหม่ในกรุงเทพทุกคันต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV) และภายใน 7 ปี รถเมล์ในกรุงเทพต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้าทั้งหมด
เนื่องจากฝุ่นในกทม.เกิดจากยานพาหนะ 60% และ 90% ของไอเสียจากรถคือ ฝุ่นละออง PM 2.5 ดังนั้นเพื่อควบคุมปริมาณมลพิษที่ออกจากรถยนต์ ไม่ให้เกินเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อประชาชน จึงเห็นควรมีมาตรการกำหนดให้รถโดยสารประจำทาง ปรับปรุงเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ไม่ส่งผลกระทบต่อมลภาวะทางอากาศ และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาทางเทคโนโลยีของรถยนต์ทั่วโลก
ซึ่งภายหลังจากที่กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา กทม. จะมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 1 ปี ถ้าพ้นจาก 1 ปีไปแล้ว นอกจากรถเมล์ที่ยังมีสัมปทานเดินรถ รถเมล์ไฟฟ้าเท่านั้นที่จะสามารถเดินทางสัญจรได้ในพื้นที่ กทม.
นโยบายดังกล่าวของกทม.ส่งผลดีต่อธุรกิจและผลการดำเนินงานของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญเรื่องการผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารวมถึง ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ ตลอดจนการรองรับบริการหลังการขาย ซึ่ง “นาวิน เสนาะดนตรี” รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 1/66 ยังมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าอีกหลายราย และมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้กับพันธมิตรเพิ่มขึ้น มั่นใจสนับสนุนรายได้-กำไรปีนี้ทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทฯ มีความพร้อมเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง ซึ่งปัจจุบันโรงประกอบรถไฟฟ้ามีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 9,000 คันต่อปี และบริษัทพร้อมที่จะพิจารณาขยายกำลังการผลิตที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้รถอีวี
นอกจากนี้บริษัทฯ คาดว่าในปี 66 จะสามารถส่งมอบรถไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถตู้ไฟฟ้า, รถกระบะไฟฟ้า และรถโดยสารไฟฟ้า รวมไปถึงรถหัวลากไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้รวมเติบโตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทำการวิจัย และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติกับ 4 หน่วยงานพันธมิตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) บริษัท พนัสแอสเซมบลีย์ จำกัด และบริษัท เจ็นเซิฟ จำกัด “คมสหัสภพ นุตยกุล” กรรมการ NEX ระบุว่า โครงการดังกล่าวจะมีการพัฒนารถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบ อย่างน้อยระดับที่ 3 มีขนาดไม่น้อยกว่า 20 ที่นั่ง
สื่อสารร่วมกับโมบายแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยี 5G ระหว่างรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับประชาชน และนักท่องเที่ยว ในเขตโบราณสถาน เป็นการศึกษาทดลองการใช้งานรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบที่วิ่งร่วมกับรถทั่วไปในท้องถนนจริง โดยทดสอบการนำเอาระบบสื่อสารภายใต้โครงข่าย 5G มาใช้งานระหว่างรถมินิบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับระบบอื่นๆ ในรูปแบบการติดต่อสื่อสาร C-V2X (Cellular-Vehicle-to-Everything) เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด โดยคาดว่าจะเริ่มทดสอบใช้งานได้ในช่วงปลายปีนี้