จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : MENA - ตะวันแดงตั้ง "ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์" สร้างโอกาสเติบโตครั้งใหญ่
21 เมษายน 2566
กลยุทธ์การร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่ง บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ได้จับมือกับบริษัท ตะวันแดง โลจิสติกส์ จำกัด (TWD) เพื่อให้บริการขนส่งและกระจายสินค้า หนุนรายได้เติบโตอย่างมั่นคง
การประกาศความร่วมมือของ 2 ผู้นำในธุรกิจโลจีสติกส์และธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับทั้ง 2 แห่ง ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ระบุว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการจับมือร่วมกันแบบ win-win โดย MENA มีจุดเด่นเรื่องความชำนาญและประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจโลจีสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ TWD มีฐานลูกค้าทั้งของ TWD เองและของบริษัทในเครือ
ซึ่งการจับมือกันครั้งนี้จะช่วยต่อยอดโอกาสทางธุรกิจไปยังลูกค้าที่หลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งของ TWD และบริษัทในเครือมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
บริษัทร่วมทุน ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) พร้อมเดินหน้าให้บริการงานขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ร้าน CJ MORE ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกในรูปแบบใหม่ และร้านถูกดีมีมาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการแล้วกว่า 1,000 สาขา ในพื้นที่ 42 จังหวัด (ข้อมูล ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566) และมีโครงการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดในประเทศไทย ส่วนร้านถูกดีมีมาตรฐานจะช่วยยกระดับร้านโชว์ห่วยทั้งประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น โดยมีเป้าขยายสาขาอีกหลายพันสาขาในปี 2566 จากการที่ CJ MORE และร้านถูกดีมีมาตรฐานมีแผนขยายสาขาให้ครบคลุมทั่วประเทศ จึงทำให้มีการขนส่งสินค้าอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี รวมถึงเป็นโอกาสในการขยายบริการขนส่งสินค้าไป ยังบริษัทในเครือของพันธมิตร สนับสนุนโอกาสและการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นางสุวรรณา เชื่อว่า ปี 66 จะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของ MENA ที่จะได้เห็นการเติบโตของรายได้อย่างมีศักยภาพผ่านการจับมือพันธมิตรในการขยายธุรกิจ ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และจะช่วยผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
ด้านบล. ทรีนีตี้ วิเคราะห์ว่า การที่บริษัทได้ร่วมลงทุนกับ บริษัทตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด และจัดตั้งบริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (“TDM”) ซึ่งให้บริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับบริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส (“CJ”)โดย MENA ถือหุ้น 35% การร่วมทุนในครั้งนี้ เกิดจากบริษัทตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด ได้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการบริหารจัดการกองรถที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทร่วมทุน TDM จะมีกองรถที่บริษัทจะเข้าไปร่วมบริหารกว่า 200 คันเพื่อขนส่งสินค้าให้กับกลุ่มร้านค้า CJ MORE, CJ EXPRESS และ ร้านถูกดี มีมาตรฐาน
โอกาสการเติบโตของบริษัทไปพร้อมกับการขยายจำนวนสาขาของ CJ MORE, CJ EXPRESS และ ถูกดี มีมาตรฐาน ในปัจจุบันกลุ่ม CJ มีจำนวนร้านค้าประมาณ 1 พันสาขา ครอบคลุม 42 จังหวัด ซึ่งทาง CJ มีเป้าจะสาขาทั้งสิ้น 2 พนั สาขาภายในปี 2569 และ ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีจำนวนสาขากว่า 5 พันสาขา และมีเป้าที่จะขยายเป็น 1 หมื่นสาขาในอีก3 ปี ดังนั้นแล้วการเพิ่มขึ้นของสาขาจำทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าและจำนวนเที่ยวเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
และหลังจากที่บริษัทได้ IPO เข้ามา ทำให้ฐานทุนของบริษัทมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และบริษัทมี D/E ที่ต่ำเพียง 0.36 เท่า ทำให้บริษัทสามารถหาแหล่งเงินกู้ เพื่อมาขยายธุรกิจได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาหา M&A ในการขยายกิจการโดยอาศัยจุดแข็งความชำนาญที่การบริหารจัดกการกองรถขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ
บริษัทประเมินกำไรในปี 2566-67 จะอยู่ที่ 74 และ 99 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 37% YoY และ 34% YoY ตามลำดับ โดยเป็นผลมาจากทั้งการเติบโตของกองรถโม่ที่เพิ่มขึ้นกว่า 100 คัน และส่วนแบ่งรายได้จาก TMD ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 3 บาทต่อหุ้น (อิง PE 30 เท่า หรือ PEG ที่ 0.85 เท่า ) บริษัทประเมินการเติบโตของกำไรในปี 2566-67 จะมี CAGR กว่า 35% และมีโอกาสในการทำ M&A
ส่วนความเสี่ยง ได้แก่ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น, ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ
การประกาศความร่วมมือของ 2 ผู้นำในธุรกิจโลจีสติกส์และธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับทั้ง 2 แห่ง ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ระบุว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการจับมือร่วมกันแบบ win-win โดย MENA มีจุดเด่นเรื่องความชำนาญและประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจโลจีสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ TWD มีฐานลูกค้าทั้งของ TWD เองและของบริษัทในเครือ
ซึ่งการจับมือกันครั้งนี้จะช่วยต่อยอดโอกาสทางธุรกิจไปยังลูกค้าที่หลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งของ TWD และบริษัทในเครือมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
บริษัทร่วมทุน ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) พร้อมเดินหน้าให้บริการงานขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ร้าน CJ MORE ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกในรูปแบบใหม่ และร้านถูกดีมีมาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการแล้วกว่า 1,000 สาขา ในพื้นที่ 42 จังหวัด (ข้อมูล ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566) และมีโครงการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดในประเทศไทย ส่วนร้านถูกดีมีมาตรฐานจะช่วยยกระดับร้านโชว์ห่วยทั้งประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น โดยมีเป้าขยายสาขาอีกหลายพันสาขาในปี 2566 จากการที่ CJ MORE และร้านถูกดีมีมาตรฐานมีแผนขยายสาขาให้ครบคลุมทั่วประเทศ จึงทำให้มีการขนส่งสินค้าอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี รวมถึงเป็นโอกาสในการขยายบริการขนส่งสินค้าไป ยังบริษัทในเครือของพันธมิตร สนับสนุนโอกาสและการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นางสุวรรณา เชื่อว่า ปี 66 จะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของ MENA ที่จะได้เห็นการเติบโตของรายได้อย่างมีศักยภาพผ่านการจับมือพันธมิตรในการขยายธุรกิจ ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และจะช่วยผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
ด้านบล. ทรีนีตี้ วิเคราะห์ว่า การที่บริษัทได้ร่วมลงทุนกับ บริษัทตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด และจัดตั้งบริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (“TDM”) ซึ่งให้บริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับบริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส (“CJ”)โดย MENA ถือหุ้น 35% การร่วมทุนในครั้งนี้ เกิดจากบริษัทตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด ได้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการบริหารจัดการกองรถที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทร่วมทุน TDM จะมีกองรถที่บริษัทจะเข้าไปร่วมบริหารกว่า 200 คันเพื่อขนส่งสินค้าให้กับกลุ่มร้านค้า CJ MORE, CJ EXPRESS และ ร้านถูกดี มีมาตรฐาน
โอกาสการเติบโตของบริษัทไปพร้อมกับการขยายจำนวนสาขาของ CJ MORE, CJ EXPRESS และ ถูกดี มีมาตรฐาน ในปัจจุบันกลุ่ม CJ มีจำนวนร้านค้าประมาณ 1 พันสาขา ครอบคลุม 42 จังหวัด ซึ่งทาง CJ มีเป้าจะสาขาทั้งสิ้น 2 พนั สาขาภายในปี 2569 และ ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีจำนวนสาขากว่า 5 พันสาขา และมีเป้าที่จะขยายเป็น 1 หมื่นสาขาในอีก3 ปี ดังนั้นแล้วการเพิ่มขึ้นของสาขาจำทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าและจำนวนเที่ยวเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
และหลังจากที่บริษัทได้ IPO เข้ามา ทำให้ฐานทุนของบริษัทมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และบริษัทมี D/E ที่ต่ำเพียง 0.36 เท่า ทำให้บริษัทสามารถหาแหล่งเงินกู้ เพื่อมาขยายธุรกิจได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาหา M&A ในการขยายกิจการโดยอาศัยจุดแข็งความชำนาญที่การบริหารจัดกการกองรถขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ
บริษัทประเมินกำไรในปี 2566-67 จะอยู่ที่ 74 และ 99 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 37% YoY และ 34% YoY ตามลำดับ โดยเป็นผลมาจากทั้งการเติบโตของกองรถโม่ที่เพิ่มขึ้นกว่า 100 คัน และส่วนแบ่งรายได้จาก TMD ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 3 บาทต่อหุ้น (อิง PE 30 เท่า หรือ PEG ที่ 0.85 เท่า ) บริษัทประเมินการเติบโตของกำไรในปี 2566-67 จะมี CAGR กว่า 35% และมีโอกาสในการทำ M&A
ส่วนความเสี่ยง ได้แก่ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น, ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ