นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON ผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรม โครงสร้างพื้นฐาน และอุปกรณ์การผลิตในทุกอุตสาหกรรมระดับสูง เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัท ฯ ในไตรมาสแรกของปี 2566 คาดว่ารายได้ และกำไรสุทธิจะสามารถเติบโตได้ตามประมาณการณ์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัท ฯ เดินหน้าเข้ารับงานอย่างต่อเนื่องจากบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันบริษัท ฯ มีงานที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ และรอรับรู้รายได้ หรือ Backlog ราว ๆ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานตรวจสอบระบบท่อด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ Smart Pigging Technology จากบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
ในขณะที่บริษัท ฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปีนี้ที่ 750 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตกว่า 20 % จากปี 2565 ที่บริษัทฯ มีรายได้ 610.47 ล้านบาท และมีกำไร 105.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณความต้องการการตรวจสอบในระบบการผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม พลังงาน ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมก่อสร้าง โรงไฟฟ้า ของบริษัทชั้นนำทั่วโลกยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญภายหลังจากการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ แล้วนั้นส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวลดลง ทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะไม่น้อยกว่าปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 17 %
"การเติบโตของผลดำเนินการรายไตรมาสของเรายังมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามที่ได้คาดการณ์ไว้ จากความต้องการของตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และเราเองก็มีเทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าที่มีอยู่ทั้งใน และต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีของเราอย่างต่อเนื่องจะสามารถรองรับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต"
ในขณะที่บริษัท ฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปีนี้ที่ 750 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตกว่า 20 % จากปี 2565 ที่บริษัทฯ มีรายได้ 610.47 ล้านบาท และมีกำไร 105.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณความต้องการการตรวจสอบในระบบการผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม พลังงาน ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมก่อสร้าง โรงไฟฟ้า ของบริษัทชั้นนำทั่วโลกยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญภายหลังจากการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ แล้วนั้นส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวลดลง ทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะไม่น้อยกว่าปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 17 %
"การเติบโตของผลดำเนินการรายไตรมาสของเรายังมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามที่ได้คาดการณ์ไว้ จากความต้องการของตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และเราเองก็มีเทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าที่มีอยู่ทั้งใน และต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีของเราอย่างต่อเนื่องจะสามารถรองรับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต"